ผู้สื่อข่าวสำนักข่าว จาม ประจำจังหวัดสมุทรปราการ รายงานข่าวเสี่ยเจ้าของร้านอาหารย่านบางปูสมุทรปราการ ฝากเงิน 5 ล้านบาท แต่พออัพสมุดกลับไม่มีเงิน แถมสมุดบัญชีถูกยกเลิก โร่แจ้งตำรวจขอความช่วยเหลือ

เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 นายเอกพัฒ อธิธนัทกุล อายุ 62 ปี เจ้าของสวนอาหารชื่อดังในสมุทรปราการ เดินทางเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปู ว่าเงินจำนวน 5 ล้านบาท ที่ฝากออมไว้กับธนาคารแห่งหนึ่ง ในสาขานิคมอุตสาหกรรมบางปูหายไป และสมุดบัญชีเงินฝากได้ถูกยกเลิก


เมื่อตรวจสอบกับธนาคาร พบมีการโยกย้ายหลายขั้นตอน และปลอมลายเซ็นเพื่อเบิกเงิน และมีการทำบัตรเอทีเอ็มไปกดเงินอีกหลายครั้ง นอกจากนี้มีการแอบอ้างเป็นเจ้าของบัญชีโทรศัพท์แจ้งทางสำนักงานใหญ่เพื่อเพิ่มวงเงินในการกดแต่ละวันด้วย

นายเอกพัฒ เล่าว่า ตนนำเงินจำนวน 5 ล้านบาทฝากประเภท 12 เดือน ไว้กับธนาคารแห่งหนึ่ง ในสาขานิคมอุตสาหกรรมบางปู เพื่อเป็นเงินออม แต่เวลาผ่านไปกว่า 12 เดือนแล้ว วันนี้ได้นำสมุดบัญชีเงินฝากดังกล่าวไปปรับสมุดเพื่อตรวจสอบว่าได้ดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงินกี่บาท ในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาสมุทรปราการ แต่สมุดบัญชีเงินฝากที่ตนฝากกลับไม่สามารถปรับสมุดได้ เลยลองปรับสมุดบัญชีอื่นที่มีอยู่และนำไปด้วย ก็พบว่ามีอีกหนึ่งบัญชี ของธนาคารเดียวกัน และสาขาเดียวกัน ที่ตนเปิดบัญชีไว้เป็นบัญชีค้ำประกันธุรกิจ ก็ไม่สามารถปรับสมุดได้เช่นกัน

โดยเจ้าหน้าที่ธนาคารสาขาห้างสรรพสินค้าอธิบายว่า สมุดบัญชีทั้ง 2 เล่มถูกยกเลิกการใช้แล้ว ให้ติดต่อสาขาที่เปิดบัญชี เมื่อตนเดินทางไปยังธนาคารสาขาที่ตนเปิดบัญชี ทางเจ้าหน้าที่หน้าที่ตรวจสอบให้เบื้องต้นพบว่า เงิน 5 ล้านบาท ที่ตนฝากในบัญชีประเภท 12 เดือน ถูกย้ายออกไปทั้งหมด ไปใส่ไว้ในบัญชีที่ตนเปิดไว้ค้ำประกันธุรกิจของตน ซึ่งฝากเงินสดไว้ประกันหนึ่งแสนกว่าบาท

จากนั้นสมุดบัญชี 12 เดือนของตนได้ถูกยกเลิก แล้วมีการขอทำสมุดบัญชีเงินฝากเล่มใหม่ขึ้น แล้วย้ายเงินจำนวน 5 บาท ที่ย้ายไปไว้ในบัญชีค้ำประกันธุรกิจ กลับไปบัญชีเดิม แต่เป็นสมุดบัญชีเล่มใหม่ และมีการยกเลิกสมุดบัญชีเงินค้ำประกันธุรกิจ และขอเปลี่ยนสมุดบัญชีเงินค้ำประกันธุรกิจเล่มใหม่ด้วย โดยทั้งหมดตนซึ่งเป็นเจ้าของเงินไม่มีส่วนรู้เห็นเลยแม้แต่น้อย

หลังจากที่สมุดบัญชีทั้ง 2 เล่ม ถูกเปลี่ยนใหม่ และยกเลิกเล่มเดิมที่ตนถืออยู่ทั้ง 2 เล่ม จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ธนาคารในเบื้องต้นพบว่า มีการเซ็นชื่อถอนเงินออกจากบัญชี 12 เดือน ของตน และมีการอ้างตัวเป็นเจ้าของบัญชีโทรศัพท์ไปสำนักงานใหญ่เพื่อขอเพิ่มวงเงิน จากนั้นก็มีการเบิกถอน และกดจากเอทีเอ็มหลายครั้ง

เมื่อตนทราบเบื้องต้นดังนี้ จึงเกิดความไม่สบายใจ เพราะเงินอยู่ในธนาคารไม่มีความปลอดภัยแล้วตนจะเก็บเงินไว้ที่ไหนได้อีก และตนตั้งข้อสังเกตุว่า ทำไมผู้ที่จงใจโยกย้ายเงินของตน ถึงรู้ว่าตนมีบัญชีเงินฝากของธนาคารนี้ ในสาขาเดียวกันบัญชีอื่นอีก และเลือกใช้บัญชี 12 เดือน และบัญชีค้ำประกันธุรกิจ ที่ไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหว จึงต้องมาพึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสื่อมวลชน เพราะที่ผ่านมาตนเองก็เคยเห็นข่าวในลักษณะนี้ เมื่อเกิดขึ้นกับตัวเองแล้วไม่สบายใจอย่างมาก ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับแจ้งเบื้องต้นไว้ก่อน และจะเชิญทางผู้จัดการของธนาคารมาทำการสอบสวนหามูลเหตุ ว่าเข้าข่ายความผิดใดบ้าง...
เรื่องและภาพโดย: สว่าง ปงลังกา ทีมข่าวภูมิภาค จาม ประจำจังหวัดสมุทรปราการ