เรื่องของการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ในหลายประเทศ ล้วนมีความต้องการเป็นอย่างมาก เพื่อดูแลสุขภาพของประชากรของตน ให้มีการขับเคลื่อนทาเศรษฐกิจ และอุตสาหรรมต่างๆให้ไปต่อได้ โโยปลอยภายจากการแพร่ระบาดของเชื้อดังกล่าว
วันนี้ (13 ม.ค. 64) นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19ในไทย ผ่านทาเพจหมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC โดยระบุข้อความว่า "หลายสิบประเทศเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดให้ประชาชนของตนเอง ปีนี้รับประกันได้เลยว่าวัคซีนมีไม่พอใช้ทั่วโลก
ไทยสั่งวัคซีนโควิด-19 จากซิโนแวค ประเทศจีน 2 ล้านโดสเริ่มเดือนกุมภาพันธ์ และวัคซีนจากบริษัทแอสตราเซเนกาอีก 26 ล้านโดสเริ่มเดือนพฤษภาคม เจรจาขอซื้อเพิ่มจากแอสตราเซเนกาอีก 35 ล้านโดส รวมเป็น 63 ล้านโดสสำหรับคนไทย 30 กว่าล้านคนปีนี้ เพราะต้องฉีดคนละ 2 โดส
ผมขอเสนอความเห็นว่า ประเทศไทยควรจะเร่งฉีดให้คนไทยและแรงงานต่างชาติคนละ 1 โดสปีนี้เลย ดีกว่าให้ประชาชนอีกครึ่งประเทศรอถึงปีหน้า เรามีวัคซีนเพียงพอให้ฉีด 2 โดสสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มเสี่ยง และ 1 โดสสำหรับคนที่เหลือ (ยังไม่รวมเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี และหญิงตั้งครรภ์ รอการศึกษาเพิ่มเติม)
ถ้าดูประสิทธิภาพของตัวอย่างวัคซีนไฟเซอร์ (ดูกราฟ) วัคซีนเริ่มลดการป่วยและเสียชีวิตเมี่อรับเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังวันที่ 14 ของการฉีดวัคซีนเข็มแรก ที่ต้องฉีด 2 โดสก็เพื่อให้วัคซีนมีฤทธิ์ป้องกันการป่วยเมี่อรับเชื้อระยะเวลานานขึ้น คนที่ได้รับวัคซีน 1 โดสปีนี้ ให้ฉีดซ้ำอีก 1 โดสเมื่อไหร่ที่สามารถสั่งวัคซีนเพิ่มปีหน้า
ผมคิดว่าวิธีนี้อาจสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ดีกว่าให้ 2 โดส 30 กว่าล้านคนปีนี้ และให้คนอีกครึ่งประเทศรอฉีดวัคซีนปีหน้า"
ซึ่งประชาชนอย่างเราๆ นั้น ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า ทางภาครัฐจะมีมาตรการอย่างไรออกมา เพื่อให้ประชาชนในประเทศไทย ได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง เพื่อให้มั่นใจได้ว่า แต่ละท่าน จะมีภูมิตุ้นกันเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรงเกิดขึ้นอีกอีก
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC