เช้านี้ (15 ก.พ. 64) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะ แพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เผยถึงความสำคัญของวัคซีน ต่อภาพรวมของเศรษฐกิจในไทย ผ่านทางเพจ นพ.ยง ภู่วรวรรณ ว่า "โควิด-19 วัคซีน ความหวังในการฟื้นฟูเศรษฐกิจคือ วัคซีน
ค่าตรวจวินิจฉัยและการดูแลรักษา รวมทั้งการสูญเสียทางเศรษฐกิจ มีราคาแพงกว่ามาก เมื่อเทียบกับการให้วัคซีน ไม่ต้องเสียเวลา คิดว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม จากการศึกษาในประเทศอิสราเอลเป็นประเทศที่ได้รับวัคซีนต่อจำนวนประชากรมากที่สุด โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ข้อมูลตั้งแต่หลังปีใหม่มาอุบัติการป่วยในผู้สูงอายุลดลงอย่างเห็นได้ชัด อัตราการเสียชีวิตก็ลดลงและเมื่อมาให้ในผู้ที่มีอายุน้อยลง การแพร่กระจายของโรคก็จะน้อยลง เมื่อส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานแล้วโอกาสในการเปิดประเทศ การสร้างความเชื่อมั่นก็จะตามมา ทุกอย่างก็จะกลับคืนมา ดังนั้นการให้เร็วเท่าไหร่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจก็จะเร็วเท่านั้น
เราน่าจะลองให้วัคซีนเช่น ให้ทั้งจังหวัดภูเก็ตหรือเกาะสมุย และมีมาตรการในการดูแลคนเข้าออก ใครเข้าออกจะต้องมีภูมิต้านทานแล้ว เชื่อว่าเศรษฐกิจของทั้งสองจะฟื้นขึ้นมาอย่างแน่นอน ไวรัสนี้จะไม่หมดไปอย่างแน่นอนและจะอยู่กับเราตลอดไป เราจะต้องปรับตัวด้วยการสร้างภูมิต้านทานด้วยวัคซีน ถึงแม้ว่าจะติดเชื้อก็ต้องไม่เป็นโรคหรือไม่รุนแรงเข้าโรงพยาบาล
กลุ่มสุดท้ายที่จะได้รับวัคซีนคือ กลุ่มเด็ก จากเด็กโตไปหาเด็กเล็ก แต่ถ้าไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมที่หลบหลีกวัคซีนจะต้องมีการกระตุ้นวัคซีนอีกหรืออาจจะต้องให้เป็นระยะแบบไข้หวัดใหญ่ และในอนาคตถ้าประชาชนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนและมีภูมิต้านทานเป็นส่วนใหญ่แล้ว
โรคนี้ก็จะเกิดในเด็กรุ่นใหม่ที่เกิดมาแล้ว ยังไม่ได้รับวัคซีนหรือติดเชื้อ ซึ่งส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรงและก็จะเป็นคล้ายกับไวรัสโคโรน่าตามฤดูกาล ที่พบในเด็กอยู่ในขณะนี้ หรือในอนาคต ถ้าเป็นในเด็กแล้วรุนแรงอย่างเช่นโรค หัด เด็กทุกคนก็จะต้องได้รับวัคซีน และเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะมีภูมิต้านทาน อย่างในปัจจุบัน ที่เรากำลังรณรงค์ให้วัคซีนป้องกันหัดในเด็ก เพื่อให้โรคเหลือน้อยที่สุดหรือหมดไป
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก เพจ นพ.ยง ภู่วรวรรณ