นับตั้งแต่มีการพบว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษ เริ่มแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในการระบาดระรอก 3 นี้ ทำให้ผู้ติดเชื้อสูงอายุ และมีโรคประจำตัวหลายท่าน อาการทุรดหนักหลังติดโควิดอย่างรวดเร็ว ทหลายท่านจึงเกิดความสงสัยว่า เชื้อโควิดรอบนี้ แตกต่างจากการติดเชื้อที่ผ่านมาอย่างไร
วานนี้ (19 เม.ย. 64) นพ.โอภาส พุทธเจริญ หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ทางคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ออกมาให้ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กส่วนถึงกรณีที่ ได้เก็บข้อมูลผู้ป่วย กว่า 200 เคส มาสรุปแบบเข้าใจง่ายให้หลายท่านได้ทราบกันว่า "ระลอกนี้เชื้อดุกว่าเดิม
จากเคส 200 กว่ารายของระลอกนี้ที่โรงพยาบาล
1. ปกติโดยทั่วไปถ้าเป็นเชื้อระลอกแรก 7 วันไปแล้ว เชื้อจะน้อยลงแม้ว่าตรวจ PCR บวกแต่จะเพาะเชื้อไม่ขึ้น แต่เชื้อของระลอกนี้ 10 วันแล้วยังเพาะเชื้อขึ้นอยู่ แสดงว่าเชื้ออยู่ในร่างกายได้นานขึ้น
2. รอบก่อนๆ ไม่ค่อยเห็นวัยรุ่นที่สุขภาพแข็งแรงเกิดปอดอักเสบ แต่รอบนี้พบมากขึ้นกว่าเดิม
3. หลังจากที่ติดเชื้อไปแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ คนที่มีความเสี่ยงเกิดอาการรุนแรงจะเริ่มมีอาการให้เห็น แต่รอบนี้เร็วกว่าเดิม ไม่ถึงสัปดาห์ก็เริ่มมีอาการมากขึ้น การอักเสบเกิดขึ้นเร็ว การให้ยาต้านไวรัสกับยาสเตียรอยด์ต้องพร้อม การวินิจฉัยปอดอักเสบต้องทำได้เร็ว
4. ปริมาณเชื้อในโพรงจมูกและเสมหะมีมากกว่าเดิม เชื้อกระจายได้ง่าย
5. สัปดาห์นี้เป็นต้นไป เราจะเห็นเคสหนักในไอซียูมากขึ้น
จากที่เห็นก็น่าจะสอดคล้องกับข้อมูลในประเทศอังกฤษ ที่มีสายพันธุ์ B117 ระบาด พบว่าควรมีวิธีเพื่อลดอัตราการเสียชีวิต ได้แก่การป้องกันการแพร่เชื้อในชุมชน ด้วยมาตรการต่างๆ รวมถึงการกระจายวัคซีนที่เป็นสิ่งที่สำคัญในการลดความรุนแรงของโรค
เมื่อหลายท่านได้เห็นข้อมูลที่ นพ. โอภาส ได้ชี้แจงแล้ว ต่างก็แชร์โพสต์ดังกล่าวต่อกันไป เกือบ 3 หมื่นครั้ง ทำให้คนตระหนักเรื่องการป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น รวมไปถึงกล่าวขอบคุณ คุณหมอ ที่ได้ให้ความชัดเจนกับประชาชนที่กำลังสงสัยอยู่ได้เป็นอย่างดี
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก Opass Putcharoen