เมื่อคืนที่ผ่านมา นายธนาธร ออกมาไลฟ์เกี่ยวกับสถานการณ์วัคซีนของประเทศไทย ในหัวข้อ ประชาชนพร้อม วัคซีนไม่พร้อม: สถานะ ปัญหา และทางออกจากวิกฤตวัคซีน หากยังจำกันได้ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา นายธนาธรได้ออกมาแสดงความกังวลเรื่องแผนการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าการจัดการแบบนี้ ช้า ไม่ทันการณ์ แทงม้าตัวเดียว เสี่ยงต่อการที่วัคซีนจะมาช้า และไม่หลากหลายเพียงพอกับความต้องการของประชาชน
วันที่ 28 พ.ค. 64 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวในช่วงท้ายระหว่างการไลฟ์เฟสบุ๊ก แสดงทรรศนะต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แผนฉีดวัคซีนของรัฐบาลในปัจจุบัน ผ่านหัวข้อประชาชนพร้อม วัคซีนไม่พร้อม : สถานะ ปัญหา และทางออกจากวิกฤตวัคซีน โดยเสนอทางออกจากวิกฤตโควิด ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม 5 ข้อ คือ
1.นายกรัฐมนตรีต้องลงมือเจรจาตัดสินใจด้วยตนเอง
- พร้อมยกตัวอย่างประเทศอิสราเอลที่มีการฉีดวัคซีนล้ำหน้ากว่าประเทศอื่นทั่วโลก โดยผู้นำของประเทศต่อสายตรงคุยกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไฟเซอร์ด้วยตัวเองมากกว่า 30 ครั้ง จึงเห็นว่าเวลานี้พลเอกประยุทธ์ ควรที่จะลงมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง รอตั้งคณะกรรมการชุดต่างๆอาจจะช้าเกินไป ต้องแสดงบทบาทภาวะผู้นำในการเจรจา จัดซื้อ จัดหา ยกหูหาผู้นำองค์กรที่ผลิตวัคซีน ด้วยคำถามง่ายๆ 3 ข้อ คือวัคซีนที่ส่งมอบภายในปีนี้มีเหลืออีกเท่าไหร่ สามารถส่งได้เดือนไหน และราคาเท่าไหร่
2.ควบคุม วางแผนสต็อกวัคซีนอย่างโปร่งใส ประชาชนสามารถตรวจสอบได้
- โดยเสนอให้มีการจัดการข้อมูลการฉีดวัคซีนและสต๊อกวัคซีนโดยใช้ Format เดียวกันทั่วประเทศ และเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเห็นรายงานตัวนี้ได้ Real Time ทุกวัน มีการเก็บข้อมูลในอดีต วางแผนรายวัน ซึ่งจะทำให้มองเห็นแผนในอนาคต และจะทำให้มีความสามารถในการบริหารการฉีดวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3.เปิดเผยสัญญา การส่งมอบวัคซีน
- ที่รัฐบาลทำกับผู้ผลิตวัคซีนแต่ละเจ้าเพื่อเอามาใส่ในแบบฟอร์มการจัดการข้อมูล ซึ่งจะสามารถประเมิน การกระจายวัคซีน วางแผนไปล่วงหน้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการฉีดวัคซีนในประเทศไทย
4.ฉีดวัคซีนสะดวกด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- ซึ่งรัฐบาลต้องกลับมาหลัก ดูวัตถุประสงค์ เป้าหมายการฉีดวัคซีนใหม่ ว่าเพื่ออะไร และจะได้ออกแบบกระบวนการฉีดวัคซีนให้รู้วัตถุประสงค์เป้าหมาย พร้อมเสนอถึวกระบวนการฉีดวัคซีนว่าจะต้องง่ายที่สุดและสะดวกที่สุด ต้องทำให้ประชาชนมีต้นทุนเพิ่มน้อยที่สุดซึ่ง คือการถือบัตรประชาชนใบเดียวไปฉีดวัคซีนที่ไหนก็ได้ ทั้งนี้สามารถทำควบคู่ไปกับการจองผ่าน App กรณีประชาชนต้องการจองวันและเวลาล่วงหน้า
5.จูงใจไม่ใช่ลงโทษ
- โดยอธิบายว่า วิธีการชักชวนให้ประชาชนเข้ามาฉีดวัคซีนต้องไม่ใช่การสร้างบทลงโทษแต่เป็นการสร้างแรงจูงใจ ต้องมีความเข้าใจประชาชน ไม่ได้เห็นประชาชนเป็นภาระที่ต้องลงโทษหรือสั่งสอน ซึ่งผลลัพธ์นี้ถูกพิสูจน์ให้เห็นแล้วในต่างประเทศ เช่น เมืองดิทรอยด์ รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ออกโปรแกรมเพื่อนข้างบ้านที่ดี ถ้าช่วยเพื่อนลงทะเบียน เมื่อถึงวันนัดหมายขับรถพาไปที่จุดฉีด และพากลับบ้านได้ เอาไป 50 เหรียญสหรัฐ หรือที่ โอไฮโอ สหรัฐอเมริกา มีการแจกลอตเตอรี่ทั้งที่เป็นเงินและเป็นทุนการศึกษา เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ