วันที่ 12 มีนาคม 2565 ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักวิจัยด้านไวรัสวิทยา ไบโอเทค ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงผลการทดลองของทีมวิจัยในฮ่องกง ที่เป็นการเปรียบเทียบ การเกาะพื้นผิวระหว่างโอมิครอน กับ สายพันธุ์ดั้งเดิม
โดยระบุข้อความว่า ผลการทดลองชิ้นนี้ จากทีมวิจัยในฮ่องกงน่าสนใจครับ เปรียบเทียบความเสถียรของไวรัส (ความสามารถที่ไวรัสจะติดเชื้อต่อได้) บนพื้นผิวชนิดต่าง ๆ ระหว่างโอมิครอน กับ สายพันธุ์ดั้งเดิม
ผลการทดลองชิ้นนี้บอกว่า ไวรัสทั้ง 2 สายพันธุ์จะสูญเสียสภาพการติดเชื้อไประดับนึง (ประมาณ 10 เท่า) เกือบทันทีที่อยู่นอกร่างกายและไปติดอยู่บนพื้นผิวต่าง ๆ แต่หลังจากนั้นจะเห็นความแตกต่างระหว่างสายพันธุ์ โดยโอมิครอนมีแนวโน้มจะอยู่บนพื้นผิวอย่างน้อย 3 ชนิด คือ สแตนเลส พลาสติก และ แก้ว ที่ยาวนานกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม
ดูเหมือนว่าโอมิครอนจะคงสภาพบนพื้นผิวทั้ง 3 ได้นานถึง 7 วัน ในสภาวะความชื้น และ อุณหภูมิที่ทำการทดลองนี้ แต่บนพื้นผิวกระดาษไวรัสเสียสภาพไวกว่า และ อยู่ได้ไม่นานพอ ๆ กัน การทดลองนี้ไม่ได้เปรียบเทียบไวรัสในสภาวะอยู่ในอากาศ หรือ aerosol ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่โอมิครอน อาจจะอยู่ในอากาศได้นานกว่าปกติ ซึ่งอาจอธิบายความสามารถ ในการแพร่กระจายของไวรัสได้ไวและรวดเร็ว
ข้อสังเกตคือ การศึกษานี้ใช้ปริมาณของละอองฝอย ที่มีขนาด 5 ไมโครลิตร ซึ่งใหญ่กว่าละอองฝอยในธรรมชาติมาก ปริมาณไวรัสที่ใช้ก็ค่อนข้างสูง การสูญเสียสภาพของไวรัสประมาณ 10 เท่า หลังเกาะบนพื้นผิว อาจทำให้ละอองฝอยที่มีขนาดเล็กในสภาวะจริง อาจทำให้ไวรัสที่ติดออกมาลดลงไปจนไม่ไปต่อก็ได้
ขึ้นอยู่กับสภาวะของละอองฝอยที่ปล่อยออกมา และ ปริมาณไวรัสที่ออกมาจากผู้ติดเชื้อมักไม่สูงเหมือนที่ทำการทดลอง การใส่หน้ากากอมามัย ก็จะช่วยลดปริมาณการปลดปล่อยลงไปได้อีก ปัจจัยทั้งหมดนี้อาจจำเป็นต้องพิจารณา เพื่อประเมินความเสี่ยงครับ แต่การล้างมือบ่อย ๆ คงจำเป็นอยู่ดีครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก Anan Jongkaewwattana