วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม 2567
SHARE

จัดการ ได้แค่ไหน

โพสต์โดย แสงอุษา เมื่อ 22 มีนาคม 2565 - 11:55

หลังจากที่เชื้อไวรัสโคโรนา มีการพัฒนาสายพันธุ์อยู่เป็นระยะๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับยา และระบบสาธารณสุขทั่วโลก ต่างก็ต้องเร่งหาวิธี รับมือกับเชื้อโควิด-19 ให้ได้ 

ล่าสุด บริษัทไฟเซอร์ ได้เปิดเผยผลการศึกษาในห้องทดลอง 3 ชิ้น ระบุว่า ยาเม็ดรักษาโควิด Paxlovid (แพ็กซ์โลวิด) มีประสิทธิภาพในการจัดการเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน

โดยหนึ่งในผลการศึกษาพบว่า Nirmatrelvir ที่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของ Paxlovid มีประสิทธิภาพยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ในเชื้อไวรัสโคโรนา ที่จะใช้ในการจำลองตัวและเพิ่มจำนวนเชื้อไวรัสได้ ทั้งในสายพันธุ์กลายพันธุ์อย่างโอไมครอน และสายพันธุ์ดั้งเดิม

ขณะที่ผลการศึกษาที่เหลืออีก 2 ชิ้น ศึกษาการทำงานของ Paxlovid และปริมาณที่จำเป็นของ Paxlovid ที่จะใช้จัดการเชื้อ โอไมครอน และเชื้อกลายพันธุ์อื่น ๆ ก่อนหน้านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ผู้บริหารระดับสูงของ Pfizer เผยผลการศึกษาเบื้องต้นว่า ยาเม็ด Paxlovid มีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงที่จะเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิต ภายหลังติดโควิดสูงถึง 89%

เบื้องต้นทางการสหรัฐอเมริกา ได้สั่งซื้อยาเม็ดชนิดนี้แล้ว 20 ล้านคอร์ส คาดว่า จะส่งมอบยาทั้งหมดภายในปีนี้ โดยคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ ได้อนุมัติการใช้ยาเม็ด Paxlovid เป็นกรณีฉุกเฉินได้ ซึ่งในขณะนี้ยาเม็ด Paxlovid ที่เริ่มส่งมอบแล้วยังมีปริมาณน้อยมาก เมื่อเทียบกับผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐฯ ที่ติดเชื้อเพิ่มกว่า 20,800 รายต่อวันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ด้าน ดร.แอนโทนี เฟาชี ที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของทำเนียบขาว ระบุว่า ยาเม็ดรักษาโควิดอย่าง Paxlovid จาก Pfizer รวมถึง Molnupiravir จาก Merck จะมีส่วนสำคัญในการช่วยจัดการกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดภายในสหรัฐฯ ในขณะที่วิธีการอื่น ๆ ที่ใช้จัดการกับเชื้อไวรัสต่างเป็นไปอย่างยากลำบาก ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขชี้ การฉีดวัคซีนโควิดยังคงเป็นวิธีการที่จะช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด รวมถึงลดความเสี่ยงที่จะเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

ทั้งนี้ สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา หรือ เอฟดีเอ ได้อนุมัติการใช้ยาเม็ด แพกซ์โลวิด ของบริษัท ไฟเซอร์ เพื่อรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เป็นกรณีฉุกเฉิน นับเป็นยาต้านไวรัสโควิด-19 ชนิดเม็ดตัวแรกที่ผู้ป่วยสามารถทานเองที่บ้าน โดยกลุ่มผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอายุมากกว่า 12 ปีขึ้นไป จะได้รับยาแพกซ์โลวิดไปทานที่บ้าน ซึ่งแพทย์จะต้องเป็นผู้สั่งยาดังกล่าวให

ด้านเอฟดีเอ ระบุว่า ผู้ป่วยจะต้องได้รับยาแพกซ์โลวิด ทันทีที่ถูกพบว่าติดโรคโควิด-19 และต้องได้รับยาในช่วงที่มีอาการ 5 วันแรก ซึ่งยาแพกซ์โลวิด นั้น ประกอบไปด้วยยาต้านไวรัสตัวใหม่ชื่อ เนอร์มาเทรลเวียร์ กับยาตัวเก่าชื่อ ริโทนาเวียร์ และผู้ป่วยต้องทานยาติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน โดยบริษัท ไฟเซอร์ พบว่า ยาแพกซ์โลวิด สามารถลดความเสี่ยงการเข้าโรงพยาบาลและอัตราการเสียชีวิตได้ราว 89 เปอร์เซ็นต์ หากผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่ได้รับยาดังกล่าวเมื่อเริ่มมีอาการป่วยโควิดในช่วงแรก 

ขณะที่ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงแนวทาง การจัดซื้อ Paxlovid ยารักษาโควิด เพื่อนำเข้ามารักษาผู้ป่วย  ติดเชื้อโรคโควิด-19 ในประเทศไทย ว่าประเทศไทยกำลังจะนำ Paxlovid ซึ่งผลิตโดยบริษัท ไฟเซอร์ เข้ามา เนื่องจากเป็นยาที่มีผลการศึกษาวิจัยว่า มีประสิทธิภาพสูงสุดในการลดอัตราการเข้าโรงพยาบาล และการเสียชีวิตได้ดีมาก

ซึ่งวันนี้ คาดว่า จะมีการนำเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบในการใช้งบประมาณจัดซื้อ Paxlovid จำนวน 50,000 คอร์สการรักษา โดยหากผ่านความเห็นชอบแล้ว คาดว่าวันที่ 24 มีนาคม จะมีการลงนามในสัญญาจัดซื้อต่อไป โดยบริษัทผู้ผลิตระบุว่า หลังจากลงนามแล้วจะพร้อมส่งสินค้าภายใน 1 สัปดาห์ จึงคาดว่าประเทศไทยจะมียาแพกซ์โลวิดใช้รักษาผู้ป่วย  ติดเชื้อโควิด-19 ก่อนเทศกาลสงกรานต์

 

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก xinhuathai



แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook

บริการของเรา

Advertising

พื้นที่โฆษณาประชาสัมพันธ์ สินค้าและบริการ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Web Design

ออกแบบเว็บไซต์ ครบจบในที่เดียว ทั้ง FrontEnd และ BackEnd ด้วยทีมงานมืออาชีพ ประสบการณ์กว่า 15 ปี

Web Application

ไม่ว่าจะธุรกิจใดให้ระบบช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน จากรูปแบบเดิมๆ ให้อยู่ในรูปแบบ Online

VDO Creator

บริการออกแบบ และ จัดทำ Presentation ShowCase Review สินค้า TVC หรือ Viral Clip

เราใช้คุ้กกี้เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy)
About Us | Advertising
Join With Us | Contact
Privacy Policy | Terms of Service
Corrections Policy | DMCA Copyrights Disclaimer
Ethics Policy | Fact-Checking Policy
Editorial team information | Ownership and Funding Info
ติดต่อลงโฆษณา: 0880-900-800, อีเมล์: ads@jarm.com
แนะนำติชม/ฝากข่าวประชาสัมพันธ์: info@jarm.com