ดูเหมือนว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลายๆ ราย ประสบปัญหาเมื่อตรวจพบว่าติดเชื้อแล้ว ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที หลายรายที่ตอนแรกที่พบเชื้ออยู่ในกลุ่มสีเขียว แต่เมื่อไม่ได้รับยา และการรักษาที่เหมาะสมแล้ว ทำให้มีอาการหนักมากขึ้น บางรายกลับโดนให้ไปซื้อยาโรคกระเพาะมากิน อย่างในกรณีนี้

โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Mymint โพสต์ข้อความระบุว่า “แม่เป็นโควิด มีอาการแน่นหน้าอก หายใจทางจมูกไม่ได้ เหนื่อยหอบ พยาบาลบอกให้ไปซื้อยาโรคกระเพาะกินเอาเองตามร้านขายยาข้างนอก ที่นี่ไม่มีให้ งงนะ โรงบาลไม่มียาให้

และบอกให้กลับบ้านเพราะเห็นว่าก็ยังเดินได้ปกติ แล้วคือต้องเดินไม่ได้ก่อนอาการโคม่าหรอถึงจะรับรักษา เงินประกันสังคมก็เสียให้ทุกเดือนไม่เคยขาดแต่ดูพยาบาลที่นี่พูดจาแบบนี้กับประชาชน ที่งงมากก็คือให้ผู้ป่วยโควิดไปซื้อยากินเอง"

เธอและแม่ติดเชื้อโควิด จึงได้เดินทางไปรับยาที่ รพ.แห่งหนึ่งย่านปทุมธานี โดยยาที่ได้มาคือยาลดไข้ ยาแก้ไอ และยาฟ้าทลายโจร อย่างละ 1 แผง หลังจากนั้นกลับมารักษาแบบ HI ที่บ้าน พอช่วงกลางคืนพบว่า แม่มีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ต้องหายใจทางปาก วันรุ่งขึ้น (25 มี.ค. 65) จึงได้เดินทางไปที่ รพ.เดิมอีกครั้ง เพราะแม่มีสิทธิ์ประกันสังคมที่นั่น

พอไปถึงบอกอาการกับพยาบาลตรงบริเวณเต้นท์ที่แจกยาโควิด ที่เคยมาก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้วัดค่าออกซิเจนที่ปลายนิ้ว และพูดว่า "ไม่ได้เป็นอะไร ก็ยังเดินมาหาหมอได้" พร้อมทั้งยังบอกให้แม่ของตนไปซื้อยาโรคกระเพาะกินที่ร้านขายยา ฝั่งตรงข้าม รพ. เพราะ รพ.ไม่มียาให้

ตนแปลกใจ ด้วยความที่ไม่มีความรู้ด้านการแพทย์ ว่าอาการแน่นหน้าอก เหนื่อยหอบนั้นเกี่ยวกับโรคกะเพาะหรือไม่ แต่ถ้าเกี่ยวกันตนก็ต้องขอโทษด้วย แต่ก็ยังสงสัยว่าทำไม พยาบาลถึงไล่ให้ไปซื้อยากินเอง ต้องรอให้แม่อาการโคม่า หรือต้องรอให้แอดมิทก่อนถึงจะรักษาแม่ของตน ทั้งๆ ที่แม่ของตนจ่ายเงินประกันสังคมทุกเดือน แต่ทำไมยังต้องไปเสียเงินซื้อยากินเองอีก พร้อมฝากถึงผู้ที่เกี่ยวข้องว่า เราจะทำยังไงได้บ้าง ประชาชนตาดำๆ สามารถใช้สิทธิตัวเองได้หรือไม่





ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก Mymint และ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว