เมื่อช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา บางรัฐในสหรัฐอเมริกาได้เริ่มมีการกลับมาเปิดการเรียนการสอนตามปกติแล้ว แต่ยังต้องยึดมาตรการป้องกันเชื้ออย่างเคร่งครัด แต่กับบางแห่งเลือกไม่ปฏิบัติตาม เช่นเรื่องนี้
กลายเป็นประเด็นถกเถียงในโซเชียลมิเดียฝั่งต่างประเทศอยู่ไม่น้อย เพราะมีสองนักเรียนมัธยมจากโรงเรียนนอร์ทพอลดิง เมืองดัลลัส รัฐจอร์เจียของอเมริกา ได้ถ่ายภาพบริเวณโถงทางเดินที่เต็มไปด้วยเด็กนักเรียนนับร้อยคน เดินกันอย่างแออัดหาได้มีการสวมหน้ากากอนามัยแต่อย่างใด นั่นจึงเป็นสิ่งที่สองนักเรียนดังกล่าวเป็นห่วงมากว่า ในสถานการณ์โควิด-19 ระบาดที่ยังคงรุนแรงอยู่นี้ ยังจะปล่อยให้มีการเดินกันอย่างแออัดโดยที่โรงเรียนไม่ได้สนใจอะไรเลยอย่างนั้นหรือ
นั่นจึงเป็นที่มาของการทยอยถ่ายรูปของทั้งสอง โดยจะถ่ายในช่วงเช้าเวลาที่ทุกคนเตรียมเข้าห้องเรียนทำให้บริเวณโถงทางเดินเต็มไปด้วยผู้คน ทั้งสองไล่ถ่ายเก็บเอาไว้ทุกวันหวังว่าจะเป็นข้อความส่งไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องทางอ้อมเพื่อให้ลงมารับทราบปัญหาและออกมาตรการป้องกัน ก่อนที่นักเรียนคนอื่นๆ จะติดเชื้อโควิดกันหมด
แต่กลายเป็นว่าทั้งสองคนถูกเรียกเข้าห้องปกครองหลังโพสต์ภาพไปได้เพียง 2 วัน โดยครูฝ่ายปกครองกล่าวว่าเธอละเมิดกฎโรงเรียนว่าด้วยใช้โทรศัพท์มือถือในโถงทางเดินโดยไม่ได้รับอนุญาต ใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อเป้าหมายทางโซเชียลมิเดีย และถ่ายภาพบุคคลหรือกลุ่มบุคคลโดยที่พวกเขาไม่ได้ยินยอมให้ถ่าย โทษของทั้งสองคือถูกพักการเรียน
นักเรียนทั้งสองรู้สึกเศร้าใจมากที่โรงเรียนไม่ได้เล็งเห็นถึงจุดประสงค์ที่เห็นแก่ส่วนรวมของเธอ ที่อยากให้โรงเรียนจัดการกับความแออัดในโถงทางเดินเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด แต่ดันเอาใจใส่กับกฎโรงเรียนก่อนเป็นอันดับแรก แน่นอนว่าเด็กนักเรียนคนอื่นก็ไม่พอใจที่เกิดเหตุการณ์นี้ จึงได้นำภาพที่นักเรียนหญิงทั้งสองถ่ายมาก่อนหน้าไปแชร์ต่อกันโดยใช้แอคเคาน์ปลอมเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับเวลาว่าทางโรงเรียนจะทำอย่างไรต่อไป...
ขอบคุณข้อมูลจาก: Boredpanda
