ฮิลลารี คลินตัน เสนอเรื่องต่อสภาคองเกรส ว่าด้วยการตัดงบประมาณของกระทรวงกลาโหม เพื่อนำไปเป็นงบฟื้นฟูประเทศและการทูตต่างประเทศ เหน็บแรงซื้ออาวุธเก่าจากสมัยสงครามเย็นไม่มีประเทศไหนเขาทำกันแล้ว
ในบทความขนาดยาวที่เผยแพร่ผ่านทาง ฟอร์เรน แอฟแฟร์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เผยวิสัยทัศน์ของตนเองในเรื่องการปรับโครงสร้างการใช้จ่ายด้านกลาโหมของสหรัฐฯ พร้อมกับตำหนิการบริหารการจัดการที่ผิดพลาดของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าทุกวันนี้การแข่งขันโลกหาใช่การโชว์แสนยานุภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารในประเทศแต่อย่างใด
ฮิลลารีอธิบายต่อในบทความว่า การเล่นบทการเมืองโลกแบบเก่าตั้งแต่สมัยสงครามเย็น ที่เอาแต่อวดกำลังทางทหารนั้นมันเก่าฝุ่นจับไปหมดแล้ว ไม่ช่วยให้สหรัฐฯ เตรียมความพร้อมเอาชนะคู่แข่งที่ใช้วิธีและอาวุธแบบใหม่ที่อยู่ในเส้นแบ่งระหว่างสงครามกับสันติสุขได้ รวมถึงเธอยังโต้แย้งในประเด็นที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ จะนำงบประมาณไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ราคาแพง และแนะว่าให้พิจารณาแนวทางอื่นที่กว้างขึ้นซึ่งครอบคลุมถึงภัยคุกคามไม่เพียงแต่จากขีปนาวุธข้ามทวีปและการก่อความไม่สงบเพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องครอบคลุมถึงภัยคุกคามจากการโจมตีทางไซเบอร์ ไวรัสแพร่ระบาด การปล่อยแก๊สคาร์บอน โฆษณาชวนเชื่อในสื่อออนไลน์ และการเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทานด้วยเช่นกัน
และถ้าหากมีการโต้เถียงขึ้นมาว่า การจัดซื้ออาวุธนั้นเป็นไปเพื่อเตรียมความพร้อมและแสดงความยิ่งใหญ่เหนือจีนนั้น คลินตันได้กล่าวว่าวิธีการดังกล่าวมัน "ล้าหลัง" และไม่เหมาะสมกับการเผชิญหน้ากับจีน เพราะจีนมีไม้ตายที่อาจสร้างความท้าทายแก่อาวุธทางเทคนิคได้ "ในขณะที่สหรัฐอเมริกาเอาแต่สู้รบด้วยวิธีจู่โจมภาคพื้นในแถบตะวันออกกลางนั้น จีนกำลังลงทุนไปกับอาวุธสายป้องกันประเภทต่อสู้อากาศยานและป้องกันการเข้าถึงใจกลางประเทศ เช่นเรือรบต่อสู้ขีปนาวุธ ซึ่งก่อให้เกิดภัยคุกคามอันใหญ่หลวงต่อเรือบรรทุกเครื่องบินราคาแพงของสหรัฐฯ ทางเดียวที่อเมริกาจะเดินหน้าไปต่อไปนั้น คือเดือน พ.ย.นี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะต้องพ่ายแพ้แก่การเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งถ้าเขาแพ้จริง จะถือว่าเป็นหมุดหมายแรกอันดีที่จะช่วยดึงอเมริกันกลับขึ้นมาจากหลุมที่เขาขุดเอาไว้" คลินตันกล่าว...
ขอบคุณข้อมูลจาก: DailyMail