ประชาชนออสเตรเลียเป็นต้องน้ำตาตก หลังทางการออกมาเผยว่าชีวิตช่วงก่อนโควิด-19 อาจจะไม่เกิดขึ้นเลยจนถึงปี 2022 แม้ว่าจะมีวัคซีนแจกจ่ายแล้วก็ตาม
ในขณะที่รัฐบาลมอร์ริสสันของออสเตรเลีย ได้ประกาศว่าประชาชนจะได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ช่วงเดือน ก.พ. นั้น ทางด้าน ศจ.ซาร่า พาลเมอร์ กลับมองว่าจะต้องฉีดวัคซีนให้ประชาชนจำนวนมากถึง 80% ก่อนถึงจะรู้ประสิทธิภาพที่แท้จริงของวัคซีนได้ และแม้ว่าตัววัคซีนจะสามารถลดอาการของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้ แต่ทางด้านนักวิจัยกลับไม่มั่นใจว่าพอฉีดเข้าไปแล้ว ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายผู้ป่วยจะอยู่ได้นานเท่าไหร่และจะหยุดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสได้มากน้อยเพียงใด
หากต้องการจะให้ออสเตรเลียกลับมาอยู่ในสถานการณ์ปกติก่อนที่โควิดจะระบาดนั้น ศจ.พาลเมอร์ชี้ว่าจะต้องดำเนินการฉีดวัคซีนให้ประชาชนเป็นจำนวน 4 ใน 5 ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งกว่าจะเสร็จสิ้นก็น่าจะกินเวลาไปจนถึงสิ้นปี 2021 "แม้ว่าประชาชนจะได้รับวัคซีนไปแล้ว เราก็ยังไม่ทราบอยู่ดีว่าระบบภูมิคุ้มกันในวัคซีนเหล่านี้จะอยู่ได้นานเท่าไหร่ มันอาจจะแค่ทำให้การติดเชื้อเป็นไปได้ยากกว่าตอนติดเชื้อครั้งแรก และมันก็อาจจะไม่ได้ช่วยป้องกันไม่ให้ติดเชื้อโควิดอีกรอบก็เป็นได้ นั่นก็หมายความว่าคุณอาจจะกลับไปติดเชื้ออีกก็ได้"
ทางด้าน ศจ.โทนี เบลคลี จากมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ก็ได้ทำนายว่าชีวิตช่วงนี้ของประชาชนชาวออสเตรเลียจะยังอยู่ในช่วง "วิกฤต" ยาวไปอย่างน้อยจนถึงเดือน ต.ค. และน่าจะเหลือประชาชนอีกอย่างน้อย 65% ที่ยังต้องการฉีดวัคซีน "ผมคิดว่าถ้ายังมีเชื้อโควิดกลายพันธุ์จากอังกฤษระบาดอยู่ในออสเตรเลีย เราอาจจะยังต้องอยู่ในสภาพการณ์เช่นนี้ต่อไปยาวจนถึงเดือน ต.ค. หรือจนกว่าประชาชนราว 65 ถึง 75% ของประชากรทั้งประเทศจะได้รับการฉีดวัคซีน" ศจ.โทนีกล่าว
สำหรับวัคซีนโควิด-19 ที่ออสเตรเลียนำมาฉีดให้กับประชาชนนั้นเป็นวัคซีนของ ไฟเซอร์ และ โมเดอร์น่า ซึ่งแสดงประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อไวรัสได้มากถึง 95% แต่สิ่งที่นักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์เป็นกังวลคือเรื่องของระบบภูมิคุ้มกันที่เมื่อฉีดวัคซีนเข้าไปแล้วมันจะอยู่ได้นานเท่าไหร่ และถ้าหากเดินทางไปรับวัคซีนจากต่างประเทศก็ต้องมาศึกษากันใหม่เพราะแต่ละประเทศต่างก็ใช้วัคซีนที่ไม่เหมือนกัน ฉะนั้นเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศในช่วงนี้อาจจะต้องรอต่อไป...
ขอบคุณข้อมูลจาก: DailyMail