งานวิจัยเผย โลกเข้าสู่ภาวะเงียบที่สุดในรอบหลายทศวรรษที่ผ่าน จากอัตราการเกิดเสียงสั่นสะเทือนจากการจราจรและอุตสาหกรรมที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อันเป็นผลมาจากมาตรการล็อคดาวน์ประเทศ
งานวิจัยดังกล่าว ซึ่งดำเนินการโดยทีมนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญจากราชวิทยาลัยลอนดอน มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด หน่วยงานติดตามการเกิดแผ่นดินไหวในสวิตเซอร์แลนด์ ที่นำโดยผู้เชี่ยวชาญจากหอดูดาวแห่งเบลเยียม ระบุเอาไว้ว่าสาเหตุใหญ่ๆที่ทำให้โลกเงียบขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนั้น มาจากมาตรการล็อคดาวน์ประเทศที่บังคับใช้กันนานาประเทศทั่วโลก โดยส่งผลให้เกิดการจราจรน้อยลง เกิดเสียงสั่นสะเทือนน้อยลง นักท่องเที่ยวก็ลดน้อยลงจนนำไปสู่ "ช่วงเวลาที่เงียบที่สุดและเด่นชัดที่สุด" เท่าที่เคยมีการบันทึกทางประวัติศาสตร์
งานวิจัยยังเผยว่า เสียงสั่นสะเทือนอันเกิดจากฝีมือมนุษย์นั้นลดลงไปถึงร้อยละ 50 นับตั้งแต่เดือน มี.ค. อันเป็นเหตุมาจากการล็อคดาวน์ดังข้างต้นนี้ ซึ่งเงียบกว่าช่วงเทศกาลคริสต์มาสในตอนที่ยังไม่เกิดการแพร่ระบาดโควิดเสียอีก เพราะปกติแล้วช่วงคริสต์มาสจะเป็นช่วงที่เกิดเสียงสั่นสะเทือนน้อยที่สุดเนื่องมาจากทั่วประเทศอยู่ในช่วงหยุดงานเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลนี้
แต่มาช่วงเกิดโรคแพร่ระบาด ทำให้ตัวเลขการเกิดเสียงนั้นลดลงอย่างมาก ถึงขนาดที่นครนิวยอร์ก หรือสิงคโปร์ที่เป็นประเทศและย่านที่ผู้คนหนาแน่นเกิดเสียงมากที่สุด ยังแทบตรวจจับค่าไม่ได้เลย แต่ก็หาได้มีเพียงย่านที่ผู้คนหนาแน่นเท่านั้นที่อัตราการเกิดเสียงลดลง หากแต่บางพื้นที่ในเยอรมนีอย่างแบล็ค ฟอร์เรส หรือนครรันดูในนามิเบีย ต่างก็มีอัตราการเกิดเสียงลดลงเช่นเดียวกัน...
ขอบคุณข้อมูลจาก: DailyMail