ชาวบ้าน 46 คน จากหมู่บ้านโตโยและบเวเดอ อำเภอบูโธ จังหวัดมื่อตรอติดกับประเทศไทย หนีมาพร้อมลูกหลาน เพราะอยู่บ้านไม่ได้ เนื่องจากมีเสียงปืนใหญ่และ เครื่องบิน มายิงใกล้หมู่บ้านทำให้ไม่กล้าอยู่ และรู้สึกกลัวจึงขอมาอยู่ฝั่งไทยโดยต้องการอยู่แค่ชั่วคราว
ชาวกะเหรี่ยงที่หนีภัยจากการโจมตีของทหารพม่าที่ใช้เครื่องบินรบบุกทำลายฐานที่มั่นทางทหารสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) ยังคงทยอยเดินทางมายังริมแม่น้ำสาละวินซึ่งเป็นเส้นพรมแดนระหว่างไทย-พม่า เพื่อขอเข้ามาหลบพักพิงในฝั่งไทย โดยช่วงบ่ายชาวกะเหรี่ยง 46 คนซึ่งมีทั้งเด็ก สตรี และผู้สูงอายุ เดินทางจากบ้านชอโบยเดอ บ้านโตโย และบ้านโนปุ ที่อยู่ลึกเข้าไปในรัฐกะเหรี่ยง
ต้องใช้เวลาในการเดินเท้ากว่า 5 ชั่วโมง มาถึงริมแม่น้ำสาละวินบริเวณแก่งแม่ขอเก ที่ตรงกันข้ามกับ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน โดยทั้งหมดเตรียมตัวข้ามมาฝั่งไทยแต่ไม่ได้รับอนุญาตจากทหารไทย ทำให้ต้องปักหลักหลบซ่อนอยู่ในป่าริมแม่น้ำสาละวิน
จากนั้นผู้หญิงคนหนึ่ง เล่าว่า หนีมาพร้อมลูกหลาน เพราะอยู่บ้านไม่ได้ จะขอข้ามไปไทยเพื่อหลบภัย เนื่องจากมีเสียงปืนใหญ่และ เครื่องบิน มายิงใกล้หมู่บ้านทำให้ไม่กล้าอยู่ และรู้สึกกลัวจึงขอมาอยู่ฝั่งไทยโดยต้องการอยู่แค่ชั่วคราว อยากให้ฝั่งไทยช่วยจัดที่อยู่ให้ที่ปลอดภัย หลบจากการถูกโจมตี ไม่อยากให้เกิดสถานการณ์แบบนี้เลย เราไม่ได้เอาอะไรติดตัวมา กับข้าวกับปลาก็ไม่มี ถ้าจะมีคนสงสารให้ช่วยหาทาง ถ้าไม่สงสารขอให้บอกตรง ๆ แต่อยากมาพักพิงเพื่อความปลอดภัยของครอบครัว
ต่อมาผู้หญิงอีกคน กล่าวว่า จากหมู่บ้านกว่าจะเดินมาถึงแม่น้ำสาละวินใช้เวลาราว 5 ชั่วโมง ซึ่งระหว่างทางได้ยินเสียงปืนใหญ่ตลอด ไม่รู้ว่าเป็นระเบิดด้วยหรือไม่ ทำให้กังวลในเรื่องความปลอดภัย จึงต้องหนีออกมาจากพื้นที่ เขายิงปืนใหญ่ และมีเสียงเครื่องบินทิ้งระเบิดใกล้หมู่บ้าน ทำให้พวกเรากังวลมาก ไม่กล้านอนอยู่ในบ้าน นอนไม่หลับ ต้องหนี เครียดจนจะบ้าอยู่แล้ว คิดมาก ยังไงก็ต้องหนีออกจากพื้นที่มาเพื่อความปลอดภัย
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก EasyYukhon