เมื่อคืนวันพุธ (23 ก.พ. 65) อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) เรียกร้อง วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ถอนกำลังทหารกลับรัสเซีย หลังปูตินประกาศเริ่มปฏิบัติการทางทหารในยูเครน

“ผมต้องขอกล่าวว่าในนามของมนุษยชาติ ประธานาธิบดีปูตินควรนำกำลังทหารกลับรัสเซีย อย่าเริ่มสิ่งที่อาจกลายเป็นสงครามครั้งเลวร้ายที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่เริ่มต้นศตวรรษ โลกที่กำลังจะฟื้นตัวจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา และประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายที่ต้องการเวลาฟื้นฟู จะพบความยากลำบากอย่างมาก จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น การหยุดชะงักของการส่งออกข้าวสาลีจากยูเครน และอัตราดอกเบี้ยพุ่งสูงเพราะความไม่มั่นคงในตลาดระหว่างประเทศ

กูเตอร์เรสทิ้งท้ายว่า ช่วงเวลานี้ถือเป็น ช่วงเวลาอันน่าเศร้าที่สุด นับตั้งแต่เขาดำรงตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ พร้อมเรียกร้องปูตินยุติความขัดแย้งและมุ่งสู่วิถีแห่งสันติภาพ

ล่าสุด 24 ก.พ. 65 สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า "วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เปิดเผยการตัดสินใจดำเนิน "ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร" เพื่อตอบสนองข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้นำของ "สาธารณรัฐ" ในภูมิภาคดอนบาสส์ทางตะวันออกของยูเครน

ปูตินแถลงข่าวทางโทรทัศน์ว่า เป้าหมายคือปกป้องประชาชน ที่ถูกทารุณกรรมและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยทางการยูเครนมานาน 8 ปี โดยมุ่งให้ยูเครนเป็นดินแดนปลอดทหาร และระบอบนาซี ตลอดจนลงโทษผู้ก่ออาชญากรรมนองเลือดต่อพลเรือน ซึ่งรวมถึงพลเมืองของสหพันธรัฐรัสเซียด้วย

ทั้งนี้ ปูตินเน้นย้ำว่ารัสเซียยังคงเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจนิวเคลียร์ที่ทรงพลังมากที่สุดในโลก และผู้รุกรานจะต้องถูกกำราบจนพ่ายแพ้อย่างราบคาบ"

ขณะเดียวกัน ทางยูเครน มีรายงานเหตุระเบิด สนามบินหลัก และสถานที่ทางทหารด้วย โดยเกิดเหตุที่ อากาศยานบอรีสปิล ซึ่งเป็นสนามบินขนาดใหญ่ที่สุดในยูเครน และสถานที่ทางทหารหลายแห่งในภูมิภาคตะวันออกและตอนใต้ของยูเครน เมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสบดี (24 ก.พ. 65)

กระทรวงโครงสร้างพื้นฐานของยูเครนระบุว่ามีการอพยพผู้โดยสารและพนักงานออกจากท่าอากาศยานดังกล่าวแล้ว นอกจากนั้นกลุ่มสื่อมวลชนยังรายงานเหตุโจมตีในหลายพื้นที่ของยูเครน อาทิ ที่เมืองคาร์คิฟทางตะวันออก ใกล้กับชายแดนรัสเซีย ที่เมืองครามาทอสค์ แนวหน้าทางตะวันออก ที่เมืองวาซิลกิฟ ใกล้กรุงเคียฟ ที่เมืองดนีโปรทางตอนกลาง รวมถึงเมืองท่าโอเดสซาทางตอนใต้
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก xinhuathai.com