ผลการศึกษาจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) เมื่อวันพฤหัสบดี (31 มี.ค.) พบนักเรียนมัธยมปลายมากกว่า 1 ใน 3 รายงานภาวะสุขภาพจิตย่ำแย่ในช่วงการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ขณะเดียวกันร้อยละ 44 รู้สึกเศร้าหรือสิ้นหวังอย่างต่อเนื่องในช่วงปีที่ผ่านมา

ศูนย์ฯ ระบุว่าเยาวชนต้องเผชิญความท้าทายขั้นรุนแรงในช่วงเกิดโรคระบาดใหญ่ โดยเยาวชนมากกว่าครึ่งหนึ่งเผยว่าถูกพ่อแม่ผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่คนอื่นๆ ในบ้านใช้ความรุนแรงทางอารมณ์ และมากกว่า 1 ใน 4 รายงานว่าพ่อแม่ผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่คนอื่น ๆ ในบ้านตกงาน

นอกจากนั้นนักเรียนมัธยมปลายมากกว่า 1 ใน 3 กล่าวว่าพวกเขาเคยถูกเหยียดเชื้อชาติทั้งช่วงก่อนหรือระหว่างการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมากที่สุดในหมู่นักเรียนเอเชีย นักเรียนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน และนักเรียนหลากเชื้อชาติ

เดบรา เอารี รักษาการรองผู้อำนวยการศูนย์ฯ ระบุว่าข้อมูลจากการศึกษาดังกล่าว ซึ่งเป็นการสำรวจนักเรียนมัธยมปลายระดับชาติในช่วงเกิดโรคระบาดใหญ่ครั้งแรกของศูนย์ฯ มอบข้อมูลที่เป็นประโยชน์หลังโรคโควิด-19 สร้างความเครียดที่บั่นทอนสุขภาพจิตของนักเรียน จึงควรเพิ่มการสนับสนุนเพื่อแก้ไขปัญหาให้เยาวชนทั้งในปัจจุบันและอนาคต

นอกจากนี้การศึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) พบว่ามากกว่าหนึ่งในสามของนักเรียนมัธยมปลายในสหรัฐฯ ประสบปัญหา “สุขภาพจิตย่ำแย่” และเกือบครึ่งรู้สึก “เศร้าอยู่เรื่อยๆ” ระหว่างการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

นอกจากนี้ ผลกการสำรวจยังพบว่า นักเรียนร้อยละ 55 กล่าวว่า พวกเขาเคยถูกทำร้ายทางจิตใจ รวมถึงถูกสาปแช่ง ดูถูก หรือดูแคลน จากพ่อแม่ หรือผู้ใหญ่ในบ้าน

ในบรรดานักเรียนที่ตอบแบบสอบถามการสำรวจ ร้อยละ 11 กล่าวว่าพวกเขาถูกทารุณทางร่างกายระหว่างการระบาดใหญ่ และเกือบหนึ่งในสามกล่าวว่าพ่อแม่ของตนคนใดคนหนึ่งหรือทั้งคู่ล้วนตกงานระหว่างการระบาดใหญ่

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก xinhuathai