ข่าวที่ 1 : ความคืบหน้ากรณีมีการแชร์เรื่องการดื่มน้ำปัสสาวะ รักษาโรคหาย ทั้งการดื่ม การหยอดตา และรักษาแผล เรื่องนี้ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พูดคุยกับ ดร.ใจเพชร กล้าจน หรือ หมอเขียว ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทางเลือกวิถีธรรม เปิดใจเล่าถึงการดื่มน้ำปัสสาวะ รักษาทุกโรค ว่า จริงๆ แล้วน้ำปัสสาวะรักษาโรคมีบัญญัติไว้ในพระไตรปิฎกนานแล้ว ซึ่งสามารถรักษาโรคได้จริง ยืนยันทั้งจากการวิจัยและทดลองด้วยตนเอง โดยช่วงนั้นป่วยเป็นไข้รากสาดใหญ่ ซึ่งมีความเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต กินยาก็ไม่หาย จึงตัดสินใจดื่มน้ำปัสสาวะตัวเอง แรกๆ ก็ฝืนใจมาก ในการดื่มทั้งสี กลิ่น น่ารังเกียจ แต่ไม่มีทางเลือกแล้ว หลังจากดื่มไปปรากฎว่าอาการดีขึ้น และค่อยๆ หายโดยไม่ได้ใช้ยาแผนปัจจุบันเลย
แต่ในทางการแพทย์แผนปัจจุบัน พล.ต.ต.ธนิต จิรนันท์ธวัช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรมโรคไต โรงพยาบาลตำรวจ ระบุว่า ในทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ไม่มีการวิจัยและยืนยันทางวิทยาศาสตร์ว่า ดื่มน้ำปัสสาวะแล้วรักษาโรคได้ ปัสสาวะคือของเสียที่ร่างกายขับออกมา มีส่วนผสมคือน้ำ 95% ยูเรีย โซเดียม ฯลฯ เวลาดื่มน้ำ กินอาหารขับไปร่างกายก็เลือกสิ่งดีๆ สารอาหารต่างๆ ไว้ สิ่งไม่ดีก็ขับออกมา ปัสสาวะในทางการแพทย์ไม่ได้เอามารักษาโรค แต่นำมาตรวจวิเคราะห์โรคจากอาการผิดปกติของร่างกายและป่วยด้วยโรคต่างๆ ทางการแพทย์แผนปัจจุบันยืนยันว่า ปัสสาวะรักษาโรคไม่ได้ และยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ยิ่งดื่ม หยอดตา ก็มีความเสี่ยงสูง แต่อันตรายของปัสสาวะ ไม่ได้ทำอันตรายรุนแรงถึงแก่ชีวิต แต่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูงมาก หากปัสสาวะรักษาโรคได้จริง แพทย์คงไม่ต้องให้กินยา และรักษาให้สิ้นเปลือง หรือถ้าหายจริง แพทย์คงให้ผู้ป่วยที่อาการหนักดื่มปัสสาวะแล้ว
ข่าวที่ 2 : นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เผยแนวทางการแก้ปัญหาข้าวเหนียวแพงที่พุ่งสูง กก.ละ 50 บาท จากเดิมกิโลกรัมละ 25-30 บาท โดยสั่งการให้กรมการค้าภายในกำหนดให้โรงสี ผู้ประกอบการค้าข้าวเหนียวและผู้เกี่ยวข้องรายงานสต๊อกข้าวเหนียวในครอบครอง เพื่อป้องกันการกักตุน ตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค.นี้ เนื่องจากข้าวเหนียวเป็นสินค้าควบคุม รวมทั้งให้อธิบดีกรมการค้าภายในหารือกับโรงสี สหกรณ์และผู้ค้าข้าว เพื่อหาความร่วมมือในการผลิตข้าวสารเหนียวบรรจุถุงในราคาพิเศษ และเป็นการตรึงราคาข้าวเหนียวบริโภคเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้มากที่สุด หากพบว่าผู้ประกอบการหรือโรงสีรายใดมีการกักตุนจะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาดตามกฎหมายการค้าข้าวและกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ซึ่งจะมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ติดตามทั้งหมดนี้ได้ในรายการจามเจาะข่าว...
ขอขอบคุณรูปภาพและคลิปจาก Workpoint news, ข่าวช่อง 8 และเพจหมอแล็บแพนด้า