ข่าวที่ 1 : เฟซบุ๊กเพจดัง ดอกจิก V.10 ได้เผยภาพเพจเฟซบุ๊กที่ชื่อ ‘รับอุปการะเด็กจากแม่ที่ท้องไม่พร้อม’ พร้อมแฉกระบวนการของเพจดังกล่าว ที่มีการโพสต์ภาพเด็กทารกแรกเกิด พร้อมประกาศหาคนอุปการะเด็ก โดยอ้างว่าแม่เด็กท้องไม่พร้อม และหลายโพสต์ปรากฎว่ามีข้อความ ระบุคำว่า "โอนจอง" มิหนำซ้ำยังมีการรีวิวคล้ายกับการซื้อขายสินค้าทั่วไป นอกจากนี้ยังมีการแฉข้อความจากแชท ที่มีคนส่งเข้าไปหาเพจดังกล่าวระบุว่า กำลังตั้งท้องได้ 3-4 เดือน แต่ยังไม่ได้ฝากครรภ์ โดยอ้างว่าคุมกำเนิดแล้วหลุด ไม่พร้อมที่จะเลี้ยงแต่ก็ไม่กล้าที่จะ เอาเด็กออกเพราะกลัวบาป จึงอยากให้ทางเพจช่วยหาคนอุปการะ ซึ่งทางเพจก็ตอบกลับไปว่า “ให้ฝากข้อความไว้จะติดต่อกลับ” โดยเพจเฟซบุ๊ก ดอกจิก V.10 ระบุว่า การกระทำแบบนี้เข้าข่ายค้ามนุษย์ เพราะการที่จะอุปการะเด็กสักคนมีขั้นตอนทางกฎหมายที่ซับซ้อน ต้องมีการตรวจสอบแบบละเอียดเพื่อคำนึงถึงอนาคตและความเป็นอยู่ของเด็ก ไม่ใช่มายกให้กันง่ายๆ เหมือนลูกหมาลูกแมว หรือขายกันเป็นผักเป็นปลาเช่นนี้
ข่าวที่ 2 : แฟนเพจ ReReef เผยแพร่การศึกษาไมโครพลาสติกในปลาทู ของศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่3 จ.ตรัง บริเวณเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม พบว่าปลาทูขนาดน้ำหนักเฉลี่ย 66.53 กรัม ความยาวมาตรฐานเฉลี่ย 17.46 เซนติเมตร มีไมโครพลาสติกในกระเพาะของปลาทูเฉลี่ย 78.04 ชิ้นต่อตัว ประกอบไปด้วยลักษณะที่เป็นเส้นใย แท่งสีดำ และกลิตเตอร์ ซึ่งลักษณะของไมโครพลาสติกที่พบมากที่สุดคือ ชิ้นสีดำ ด้วยค่าร้อยละ 33.96 ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุว่า พลาสติกในท้องปลาทูมาจากถุงพลาสติกจากใต้ทะเล ถุงกร่อนแตกตัวเป็นไมโครพลาสติก ลอยขึ้นไปอยู่ในน้ำ เมื่อปลาทูกินแพลงก์ตอนในน้ำ ก็กินไมโครพลาสติกเข้าไปด้วย จากนั้นก็ไปอยู่ในท้อง บางส่วนสลายตัวกลายเป็นนาโนพลาสติก เข้าสู่กระแสเลือดและเนื้อเยื่อปลาได้ หากเรากินสัตว์น้ำเหล่านี้เข้าไป ก็อาจเป็นสาเหตุเสี่ยงต่อหลายโรคตามที่องค์การอนามัยโลกเคยเตือนไว้ได้เช่นกัน ดังนั้นการเก็บขยะทะเลจึงเป็นส่วนช่วยลดไมโครพลาสติกโดยตรงและทางที่ดีคือการลดใช้และไม่ทิ้งพลาสติกในทะเล ติดตามได้ในรายการจามเจาะข่าว...
ขอขอบคุณรูปภาพและคลิปจาก เพจดอกจิก V.10 และ ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่3 จ.ตรัง