เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 62 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก โต้ เจ็ทโด้ ได้โพสต์คลิป พร้อมระบุข้อความว่า ‘กลับรถไม่ดูรถ มาทางตรงเลยน่ะเสี่ย ลงมาด่ากุยับเลย ไม่ตะบันหน้าให้ก็บุญแล้ว’ โดยคลิปดังกล่าวมีความยาวประมาณ 5 นาที โดยเป็นเหตุการณ์หลังจากที่รถกระบะได้ไปเฉี่ยวชนกับรถเก๋งฮอนด้าซีวิค บนถนนอักษะ โดยชายเสื้อขาว ซึ่งเป็นเจ้าของรถซีวิค ได้เข้ามาต่อว่าคู่กรณีด้วยถ้อยคำที่รุนแรง ในลักษณะดูถูกและเหยียดหยาม เช่น ด่าว่าขยะสังคม, มึงมีปัญญาซื้อรถกูไหม และโอ้อวดว่าตัวเองมีเงินล้าน อยู่บ้านหรูหลังละ 5 ล้าน คนไทยชั้นต่ำทั้งประเทศ และระบุว่าคนขับรถกระบะแย่ทุกคัน ซึ่งผู้ถ่ายคลิปได้บอกกับชายเสื้อขาวว่าพี่ก็ไม่ควรมาดูถูกผมแบบนี้ และพยายามไกล่เกลี่ย ขณะที่หญิงสาวที่มากับชายเสื้อขาวได้พยายามห้ามแล้วแต่ไม่เป็นผล หลังจากคลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ได้มีผู้เข้ามาชมคลิปแล้วกว่า 4 ล้านครั้ง และมีผู้เข้ามาวิจารณ์ถึงการกระทำดังกล่าวกว่า 5 หมื่นคอมเมนต์ พร้อมทั้งมีการแชร์ไปแล้วกว่า 3 แสนครั้ง
หลังจากคลิปนี้แชร์ออกไป โลกโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของหนุ่มรายนี้อย่างดุเดือดและมีการแชร์ประวัติการเรียน การทำงานและครอบครัว โดยพบว่า หนุ่มรายนี้เรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่เด็กจริงและเพิ่งกลับมาประเทศไทยได้ปีกว่า จากนั้นไม่นานก็มีจดหมายแถลงการณ์ของบริษัท กาซ่า ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด บริษัทที่หนุ่มรายนี้ทำงานอยู่ ระบุว่ามีคำสั่งให้ออกจากงานที่ปฏิบัติทันที หลังเพิ่งมาทำงานได้ 6 เดือน
ทางด้านคุณพ่อของหนุ่มนักเรียนนอกรายนี้ เปิดเผยว่า ลูกชายชื่อว่านายหมู เรื่องที่เกิดขึ้น หมูและแฟนสาว กำลังเดินทางไปทำบุญที่วัด และช่วงที่กลับรถ ได้เฉี่ยวชนกับรถกระบะคู่กรณี และมีปากเสียงเป็นไปตามคลิป โดยครอบครัวขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น ขอโทษสังคมและขอโทษกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมทุกอย่าง ซึ่งที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะลูกชายตนป่วยด้วยโรคซึมเศร้าและมีภาวะควบคุมอารมรณ์ตนเองไม่ได้ มีประวัติรักษาตัวที่โรงพยาบาลมโนรมย์ ย่านบางนา รับการรักษามาปีกว่าแล้ว ต้องกินยาตลอดเวลา ตนและครอบครัวทุกคนขอโทษกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น และอยากให้สังคมให้อภัยลูกเพราะเขาป่วยจริงๆ
ต่อมา ตำรวจ สภ.พุทธมณฑลก็เชิญตัวหนุ่มแว่น ไปรับทราบข้อกล่าวหาในข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้า พร้อมกับได้นำยาระงับโรคซึมเศร้ามายืนยันต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า ในระหว่างสอบปากคำหนุ่มแว่นมีอาการกำมือ นำมือที่กำกระแทกศีรษะตนเอง เอาหัวโขกกับโต๊ะสอบปากคำบ่อยครั้ง อีกทั้งทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถปล่อยตัวให้กลับบ้านได้ เนื่องจากห่วงเรื่องความปลอดภัยเพราะได้มีประชาชนกว่า 200 คน มาบุกล้อมหน้าโรงพักเพื่อรอหนุ่มแว่น จากนี้จะมีการสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนที่จะมีการนำตัวส่งศาลในวันนี้ต่อไป
ขอขอบคุณรูปภาพและคลิปจาก เพจอีจัน