ออกหมายจับ “ชัยวัฒน์” พร้อมพวก หลัง DSI พบเอี่ยวคดี “บิลลี่”
นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ “บิลลี่” ชาวกะเหรี่ยงที่นำชาวบ้านเรียกร้องสิทธิชุมชน จากกรณีเจ้าหน้าที่ไล่รื้อที่อยู่ของชาวบ้าน ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ระหว่างปี 2554-2555 หลังจากนั้นเขาหายตัวไปอย่างปริศนากว่า 5 ปี หากย้อนเหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเมื่อ
17 เม.ย. 2557 บิลลี่ ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานควบคุมตัวฐานเก็บของป่าและน้ำผึ้ง จากนั้นไม่มีใครพบเขาอีกเลย หลังเวลาผ่านไป 24 ชั่วโมง นางสาวพิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยาของบิลลี่พร้อมด้วยครอบครัวเข้าแจ้งความคนหายที่สภ.แก่งกระจาน
24 เม.ย. 2557 นางสาวพิณนภา พฤกษาพรรณภรรยา ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดเพชรบุรี เป็นคดีหมายเลขดำที่ พิเศษ 1/2557 เพื่อขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินและขอให้ปล่อยตัวนายบิลลี่จากการถูกควบคุมตัวโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
17 ก.ค. 2557 ศาลชั้นต้นจังหวัดเพชรบุรี ศาลก็ได้มีคำสั่งไต่สวนฉุกเฉิน โดยมีการสืบพยานรวมทั้งสิ้น 12 คน ต่อมาศาลยกคำร้องของภรรยาบิลลี่ โดยระบุว่าหลักฐานไม่เพียงพอว่ามีการควบคุมตัวบิลลี่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการจับกุมให้การว่าปล่อยตัวบิลลี่ไปแล้วโดยมีพยานคือนักศึกษาฝึกงาน 2 คน
จนภรรยาบิลลี่ได้นำเรื่องขึ้นสู่ศาลอุทธรณ์ต่อ
26 ก.พ. 2558 ศาลอุทธรณ์ ภาค 7 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น เพราะการไต่สวนพยานทั้งปากนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร และเจ้าหน้าที่อุทยาน 4 คน รวมถึงนักศึกษาฝึกงาน 2 คน ให้การสอดคล้องกันว่าปล่อยตัวนายบิลลี่ไปแล้ว ด้านภรรยาไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอในการพิสูจน์ว่าบิลลี่ถูกขังโดนไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีมูลอุทธรณ์
หลังจากนั้นภรรยาได้ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 นำเรื่องขึ้นสู่ชั้นฎีกา
2 ก.ย. 2558 ศาลฎีกาพิพากษายกคำร้อง โดยชี้ว่าข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่านายชัยวัฒน์กับพวกควบคุมตัวนายบิลลี่ไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาโดยมิชอบด้วยกฎหมายในการออกหมายเรียกนายชัยวัฒน์และเจ้าหน้าที่มาไต่สวนโดยไม่ตรวจสอบมูลคำร้อง หลังจากนั้นภรรยาบิลลี่จึงยื่นหนังสือขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รับคดีการหายตัวไปของบิลลี่เป็นคดีพิเศษ และขอให้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงจากผู้ที่เกี่ยวข้อง
28 มิ.ย. 2561 DSI เผยแพร่คำแถลงว่าคณะอนุกรรมการคดีพิเศษได้รับกรณีหายตัวของ “บิลลี่” เป็นคดีพิเศษต่อคณะกรรมการคดีพิเศษในการประชุมครั้งที่ผ่านมาแล้ว
26 เม.ย. 2562 DSI และผู้เชี่ยวชาญจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และนักประดาน้ำ จากกองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนใช้เครื่องยานยนต์สำรวจใต้น้ำตรวจหาพยานหลักฐานที่พื้นที่ใต้น้ำบริเวณสะพานแขวน เขื่อนแก่งกระจาน พบชิ้นส่วนกระดูก 2 ชิ้น ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร 1 ถัง เหล็กเส้น 2 เส้น ถ่านไม้ 4 ชิ้น และเศษฝาถังน้ำมัน และมีการค้นหาจนพบเศษกระดูกจากบริเวณเดียวกันอีก 20 ชิ้น
3 ก.ย. 2562 DSI แถลงข่าวว่ากระดูกดังกล่าวตรวจพบสารพันธุกรรมตรงกับ โพเราะจี รักจงเจริญ มารดาของบิลลี่ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาประกอบกับสถานที่เกิดเหตุ พยานหลักฐานในสำนวนอื่นประกอบ จึงเชื่อว่า วัตถุดังกล่าวเป็นกระดูกของนายพอละจี รักจงเจริญ ที่เสียชีวิตแล้วโดยไม่ทราบวิธีที่ทำให้ตาย แต่นำมาเผาทำลายเพื่ออำพรางคดี
ล่าสุด ในวันที่ 11 พ.ย. 62 ได้มีการประชุมคณะพนักงานสอบสวน คดีดังกล่าว โดยมี พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณา พยานหลักฐานรวมทั้งผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่ประชุมเห็นว่ามีพยานหลักฐานพอขออนุมัติต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติชอบกลาง ออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง และมอบหมายให้ พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษดังกล่าว เป็นผู้ยื่นคำร้องและแถลงข้อเท็จจริงต่อศาล
ต่อมาเวลาประมาณ 14.00 น. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อนุมัติได้ออกหมายจับ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวก ประกอบด้วย นายบุญแทน บุษราคำ, นายธนเสฏฐ์ หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ รวม 4 คน ในความผิดฐาน
1. ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิด แต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้
2. ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้นและได้กระทำโดยมีอาวุธ
3. ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย
4. ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สามจนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้นและมีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ
5. ร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิดหรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป
6. ร่วมกันโดยทุจริตเพื่ออำพรางคดีกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป
อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา รวมทั้งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 อันเป็นความผิดที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้ไต่สวนพบมูลความผิดแล้วด้วย
ขอขอบคุณรูปภาพและคลิปจาก WorkpointNews