ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ ลั่น! ภาพยนตร์ The Cave นางนอน มีบางส่วนไม่ตรงกับความจริง

ข่าวที่ 1 : ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ ลั่น! ภาพยนตร์ The Cave นางนอน มีบางส่วนไม่ตรงกับความจริง

เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่ศูนย์การค้า จ.ลำปาง ได้เปิดฉายภาพยนตร์ปฐมทัศน์ “เรื่อง The Cave นางนอน” โดยมี นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง หรือ ผู้ว่าฯ หมูป่า นายทอม วอลเลอร์ ผู้กำกับภาพยนตร์ จิม วอร์นี่ นักดำน้ำชาวเบลเยี่ยม เดินทางมาร่วมชมภาพยนตร์ ทั้งนี้ก่อนเข้าโรงฉายภาพยนตร์ ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ ได้กล่าวกับผู้กำกับฯ ทอม ว่า จากที่ได้ชมตัวอย่างภาพยนตร์และพูดคุยกับหลายท่าน มีบางส่วนในภาพยนตร์ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง พร้อมเสนอความเห็นว่า ภาพยนตร์น่าจะเน้นไปถึงตัวละคร ซึ่งเป็นอาสาสมัครหลายพันคนที่เข้ามาช่วยเหลือในภารกิจเด็กติดถ้ำ แต่ภาพยนตร์ไปเน้นที่นักดำน้ำชาวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ ทางด้าน ทอม วอลเลอร์ ยินดีรับคำเสนอแนะของผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ พร้อมชี้แจง ว่า ภาพยนตร์ The Cave เล่าบางส่วนที่เกี่ยวกับนักกู้ภัยที่มาจากต่างประเทศ

ขณะที่ วันนี้ ทอม วอลเลอร์ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ว่า “เมื่อคืนผมไปงานเปิดตัวหนังที่ลำปาง และมีโอกาสได้พบกับท่านผู้ว่าณรงค์ศักดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์ในครั้งกู้ภัยถ้ำหลวง ความประทับใจเริ่มแรกที่ผมได้รับราว 20 นาที ที่ท่านด่าหนังผมให้ฟังว่า ไม่เป็นจริง ดูจากตัวอย่างหนังแล้วไม่ควรเรียกว่าภาพยนตร์ based on a true story ควรเป็นแค่ภาพยนตร์ธรรมดา ท่านไม่มีเวลากระทั่งทักทายหรือมองหน้าจิม กระทั่งเข้าโรงภาพยนตร์ ท่านยังต่อว่าไม่หยุด ‘ในภาพยนตร์มีตั้งหลายหน่วยงานที่ทำให้ภารกิจสำเร็จ ทำไมเล่าแต่ของผู้ใหญ่ของจิม ไม่มีที่เค้าเดินสำรวจขุดเจาะถ้ำ ภาพยนตร์ไม่ตรงกับความจริง…’ แล้วท่านเดินออกจากโรงไป ผมไม่อยากให้ท่านตัดสิน ว่า ภาพยนตร์ผมไม่ตรงความจริง เพียงเพราะท่านรับชมจากตัวอย่างภาพยนตร์หรือคำรีวิวที่บอกว่าสร้างมาล้อเลียนข้าราชการ ถ้าท่านชมภาพยนตร์จบแล้วต่อว่าหนังผม อันนั้นผมยอมรับได้ ท่านบอกภาพยนตร์ไม่ตรงความจริง ใช่ครับ มีซีนนึงที่ไม่ตรงจริง เจ้าหน้าที่อุทยานไม่ได้เป็นคนไล่อาจารย์อดิสรณ์ให้ไปเก่งที่นครปฐม แต่เป็นคำพูดของคนที่ไม่มีโอกาสได้ดู เพราะนั่งอยู่แค่ 3 นาทีครับ สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้มีกำหนดเข้าฉายตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมาแล้วด้วย

ข่าวที่ 2 : รฟท. แจ้งความเอาผิดปาเจโร หลังฝืนขับรถบนทางรถไฟยมราช

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ศุภพล สุขบาง เผยแพร่รถยนต์อเนกประสงค์ (PPV) มิตซูบิชิ ปาเจโร่ วิ่งมาบนรางรถไฟยมราช เมื่อคืนวันเสาร์ต่อเนื่องเช้าวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 00.40 น. จากบริเวณหอสัญญาณกรุงเทพฯ-ทางผ่านยมราช โดยที่ไม่กลัวอันตรายว่าจะถูกรถไฟชนพร้อมขอให้ผู้ที่พบเห็นแจ้งเบาะแส เพื่อผู้เกี่ยวข้องของการรถไฟจะได้ไปดำเนินการแจ้งความ เนื่องจากการขับรถในลักษณะดังกล่าวทำให้อุปกรณ์บนรางรถไฟเกิดความเสียหายหลายรายการ

โดยจากการสำรวจพื้นที่ พบว่า จุดนี้เป็นเส้นตัดทางรถปกติกับทางรถไฟ ที่จะมีไม้กั้นอัตโนมัติทำงาน โดยในช่วงที่มีรถไฟ ไม้กั้นจะทำงานกั้นรถที่จะขับผ่านจุดตัดรถไฟบริเวณนี้ แต่หากไม่มีรถไฟผ่าน รถก็สามารถขับผ่านได้เพราะมีความกว้างเพียงพอให้รถขับขี่ แต่จะมีไม้หมอนรถไฟและหินคลุกขนาดใหญ่ที่โรยเป็นพื้นผิว เกิดสะดุดจากพื้นไม่เรียบได้ขณะขับขี่ อีกทั้งบริเวณนี้เป็นถนนตัดผ่านหลายช่วง และวิ่งคู่ขนานกับถนน ในช่วงกลางคืน อาจจะมองเส้นทางได้ไม่ชัดเจน เนื่องจากมีจุดเลี้ยวเข้าซอยชุมชนที่ตั้งอยู่ริมทางรถไฟด้วย

ล่าสุดทางด้าน การรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งว่า จากกรณีรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร ไม่ทราบเลขทะเบียน เข้ามาวิ่งบนรางรถไฟจากบริเวณหอสัญญาณกรุงเทพฯ-ทางผ่านยมราช ทางการรถไฟฯ ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด และนำหลักฐานซึ่งเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด เข้าแจ้งความที่สน.นพวงศ์ เพื่อดำเนินการตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีแล้ว

ข่าวที่ 3 : โซเชียลจวกยับ! แดนเซอร์หมอลำเต้นเด้งคร่อมหน้าคนดู

จากกรณีกลุ่มผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชมรมแดนซ์เซอร์ลูกทุ่งประเทศไทย ระบุว่า ทางชมรมขอประนามการกระทำของทีมงาน วงหมอลำวงหนึ่งที่ จ.ลพบุรี ที่ได้นำภาพที่ไม่เหมาะสมมาทำการโฆษณาวงของตัวเองแบบไม่สนโลก อันเป็นการเหยียบย่ำอาชีพโดนส่วนรวม ทำให้เพื่อนร่วมอาชีพถูกดูหมิ่นเหยียดหยามไปด้วย ขอตัดความช่วยเหลือใดๆ หลังเกิดเรื่องกับวงดังกล่าว และขอฝากทีมงานช่วยแบนงาน อย่าให้ปลาเน่าตัวเดียวต้องเหม็นไปทั้งห้อง

ซึ่งหลังโพสต์นี้ได้ถูกเผยแพร่ออกไป ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความไม่เหมาะสม จนกระทั่งหัวหน้าวง จ.ลพบุรี ออกมาขอโทษพร้อมชี้แจงว่า รู้สึกเครียดที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น และไม่ทราบว่าใครเป็นคนถ่ายคลิป แต่ว่างานนนี้ถูกจัดขึ้นที่สกลนคร ซึ่งทางเจ้าภาพได้จ้างไปในลักษณะงานปิด สนุกสนาน เป็นกันเอง มีแขกในงานประมาณ 50 คน โดยห้ามคนนอกเข้าไป ตนยอมรับว่าภาพที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่ที่บอกไปว่าเกิดอุบัติเหตุนั้น เพราะตนเองไม่เห็นเหตุการณ์และไม่เห็นคลิปด้วยจึงได้ตอบไปแบบนั้น ซึ่งวันนั้นเป็นวันเกิดของตนทำให้ต้องรับแขก จึงไม่ได้มองภาพรวมบนเวที ตนเองเป็นหัวหน้าวงจึงต้องดูแลรุ่นน้อง ซึ่งเรื่องนี้ตนขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียวไม่อยากให้โทษเด็กเพราะตอนนี้เขาเสียใจและโทษตัวเอง หลังคลิปดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ไปนั้น วงเองก็เสียหายและถูกยกเลิกงาน ตนไม่ได้อยากดังสร้างกระแส ไม่ได้อยากให้คนเกลียด มีคนบอกว่า ตอนนี้วงดังแล้ว ตนอยากบอกว่า ถ้าดังแบบนี้ก็ไม่อยากดัง อยากขอโทษทุกฝ่าย ขอโทษสังคม กับเรื่องที่เกิดขึ้น ต่อไปจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก