ข่าวที่ 1 : โซเชียลโวย! หนุ่มเล่นฟรีรันนิ่งกลางวัดเก่าอยุธยาฯ กรมศิลปากรเตรียมดำเนินคดี
เพจ Red Skull-addict ได้นำคลิปนี้มาแชร์พร้อมระบุว่า “มีคนส่งมาให้ดูตั้งแต่เช้า ตอนแรกโพสหน้าเฟซแล้วเหมือนมีคนด่าเลยลบไปแล้ว การกระทำแบบนี้ไม่เหมาะสมและไม่สมควรอย่างยิ่ง” ทำให้ชาวเน็ตออกมาประณามอย่างหนัก เพราะวัดดังกล่าวที่พระนครศรีอยุธยา เป็นศาสนสถานที่ประชาชนให้ความเคารพ และเป็นโบราณสถานที่สำคัญ ซึ่งมีอายุเกือบ 600 ปี สร้างในสมัย สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 เมื่อปี พ.ศ.1917 ซึ่งการวิ่งและกระโดดแบบนี้ อาจทำให้เกิดความเสียหายกับโบราณสถาน ล่าสุดเจ้าตัวได้ลบคลิปนี้ไปแล้ว หลังถูกวิพากษณ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง
ด้านชาวเน็ตเข้าไปตรวจสอบพบว่า หนุ่มคนดังกล่าวเป็นนักวิ่งฟรีรันนิ่ง ที่ชอบไปวิ่งตามสถานที่ต่าง ๆ พร้อมกับถ่ายคลิปวิดีโอลงไว้ในเพจ อาทิ ตึกร้าง คอนโด ซึ่งบ่อยครั้งมีการแอบขึ้นไปโดยไม่ได้ขออนุญาต ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว
และเมื่อสอบถามไปยังสำนักงานอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ทราบว่า มีนักท่องเที่ยวโทรแจ้งเรื่องในคลิปนี้ ตั้งแต่เมื่อวานตอน 9 โมงเช้า ขณะนี้กำลังทำเรื่องถึงสำนักงานศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยาให้ทราบ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
ล่าสุด นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร ออกมาเผยว่า กำลังสั่งการให้แจ้งความดำเนินคดี ขั้นเด็ดขาดกับหนุ่มคนนี้ เพราะกฎหมายตามพ.ร.บ.โบราณสถาน มีข้อห้ามได้ประกาศไว้ให้นักท่องเที่ยวทราบแล้ว ซึ่งเคสนี้คล้ายกับการโพสต์รูปที่ไม่เหมาะสมในโบราณสถาน ซึ่งทางกรมศิลปากรเองได้เข้มงวดและเอาผิดมาโดยตลอด
ข่าวที่ 2 : รวบ! หนุ่มลวง 4 สาว สูญเงินกว่าล้านบาท
หญิงสาวผู้เสียหาย 3 คน เข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อขอให้ช่วยติดตามจับกุม นายภัควรรธ์ วัฒนานนท์ ที่หลอกลวงต้มตุ๋น หลอกเอาเงินและทรัพย์สิน โดยการเข้ามาจีบทางเฟซบุ๊ก
โดยผู้เสียหาย ระบุว่า ถูกนายภัควรรธ์ เข้ามาจีบทางเฟซบุ๊ก จนไว้ใจและมีใจให้ จนถึงขั้นขอแต่งงาน ซึ่งมีเหยื่อ 1 ในนั้น ที่หลงเชื่อแต่งงานอยู่กินกับนายภัควรรธ์ด้วย ซึ่งโดยรวมแล้วมีผู้เสียหายที่ถูกหลอกทั้งหมด 4 คน
โดยนางสาวบี หนึ่งในผู้เสียหายระบุว่า พฤติการณ์ของนายภัควรรธ์ จะอ้างว่านักเรียนนอก เป็นนักธุรกิจ อยู่ในแวดวงไฮโซ แถมยังเป็นเซียนพระชื่อดัง มีการจัดฉากให้ดูน่าเชื่อถือ แถมแม่ของนายภัควรรธ์ ก็รู้เห็นเป็นใจร่วมเล่นละครตบตาด้วยกัน เมื่อผู้เสียหายตกหลุมพรางเชื่อใจก็จะหลอกให้ผ่อนรถยนต์ รถบิ๊กไบค์ โดยให้เป็นชื่อของผู้เสียหาย แต่นายภัควรรธ์ ก็ไม่ได้ผ่อน ทิ้งภาระให้ฝ่ายหญิงต้องผ่อนแทน มีการนำทรัพย์สินของผู้เสียหายไปแล้วไม่คืน ขอเงินฝ่ายหญิงใช้ไปวันๆ เมื่อเห็นว่าฝ่ายหญิงเริ่มหมดประโยขน์ หรือ เริ่มรู้ทัน ก็จะเลิกราหนีหายไปดื้อ ๆ รวมแล้วสร้างหนี้สิน และได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายทั้ง 4 คน ไปเป็นมูลค่ากว่า 2 ล้าน 7 แสนบาท
ต่อมามีหญิงผู้เสียหายไปแจ้งความเอาผิดนายภัควรรธ์ จนถูกออกหมายจับคดีฉ้อโกง และยักยอกทรัพย์ แต่คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า นายภัควรรธ์ ยังอัพโปรไฟล์อยู่ในโลกโซเชียลเหมือนเดิม จึงมาร้องกองปราบปราบ เพื่อช่วยติดตามจับกุม ถ้าปล่อยไว้อาจมีหญิงสาวตกเป็นเหยื่อเพิ่มอีก
ล่าสุด มีรายงานว่า ตำรวจนครบาลบางรัก สามารถจับกุม นายภัควรรธ์ ได้แล้ว หลังไปกบดานที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในย่านพระราม2 โดยการจับกุมครั้งนี้เป็นการจับกุมตามหมายค้างเก่า เนื่องจากมีคดีฉ้อโกง และถูกแจ้งจับไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เบื้องต้น นายภัควรรธ์ ยังไม่ให้ข้อมูลใด ซึ่งระบุว่าจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น
ข่าวที่ 3 : สาวสั่งซื้อ IPHONE 11 กลับได้กล่องเปล่า
ผู้ใช้เฟซบุ๊กทราบชื่อคือนางสาวชไมพร ไข่รัศมี อายุ 27 ปี ได้เผยเรื่องราวที่ว่าเมื่อวันเสาร์ ที่ 4 ม.ค.2563 ที่ผ่านมา ว่าตนได้สั่งซื้อโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 11 จำนวน 1 เครื่อง ราคา 22,900 บาท จากตัวแทนของร้าน โดยโอนเงินไปหมดแล้ว จากนั้นร้านได้จัดส่งสินค้ามาให้ตน โดยส่งพัสดุผ่านบริษัทขนส่งชื่อดัง ซึ่งทางร้านก็แจ้งเลขพัสดุพร้อมทั้งถ่ายรูปตอนนำของใส่กล่องมาให้ดู และบอกว่าส่งของมาให้เรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่ตนได้รับพัสดุแล้ว พบว่ากล่องเบามากและมีร่องรอย เหมือนถูกแกะปิดไม่สนิท เมื่อเปิดดูสินค้าก็พบว่าโทรศัพท์และอุปกรณ์ทั้งหมดหายไปเหลือแต่ กล่องใส่โทรศัพท์ไว้ดูต่างหน้าหายไป ตนจึงรีบติดต่อไปยังร้านค้าทันทีและติดต่อไปทางบริษัท ขนส่งดังกล่าว แต่กลับได้คำตอบเพียงจะจ่ายเงิน 2 พันบาท เท่านั้น ในกรณีเคลมของเสียหาย ขณะที่ทางร้านจะคืนเงินให้ภายใน 1 อาทิตย์ และตอนนี้ยังไม่ได้เงินคืน ทั้งนี้ตนมีหลักฐานเป็นภาพกล้องวงจรปิด ตั้งแต่ตอนพนักงานเดินเข้ามาส่งพัสดุให้กับตนบริเวณฟร้อนโรงแรมที่ตนทำงานอยู่ที่ จ.ระยอง ซึ่ง บันทึกภาพขณะที่ตนรับพัสดุและแกะกล่องพัสดุ เพื่อยืนยันว่าตนไม่ได้ตุกติกหรือโกหกแต่อย่างใด
ทางด้านนายอัษฎาวุธ รักชาติ อายุ 22 ปี เจ้าของร้านจำหน่ายทรศัพท์ที่ จ.มหาสารคาม ก็ได้โพสต์ภาพลงเฟซบุ๊ก เป็นภาพโทรศัพท์มือถือซึ่งบรรจุอยู่ในกล่องก่อนที่จะส่ง พัสดุให้กับลูกค้า เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าส่งของให้ลูกค้าแล้วพร้อมกับใบเสร็จเลขพัสดุ อีกทั้งเดินทางไปสอบถามบริษัทที่ส่งสินค้าด้วย
ล่าสุดสำนักงานใหญ่บริษัทดังกล่าวได้ติดต่อมาแล้ว ระบุว่าจะทำการตรวจสอบติดตามของและจะชดใช้ค่าเสียหายให้เป็นจำนวนเงิน 22,900 บาท แต่ไม่ได้บอกว่าจะจ่ายเงินให้วันไหน คาดว่าอาจหายในศูนย์กระจายสินค้า
ขอขอบคุณรูปภาพและคลิปจาก Facebook Chamaii Noon,
บิ๊กเกรียน อินดี้, อีจัน และ Red Skull-addict