ข่าวที่ 1 : รวบแก๊งคาร์แคร์ แอบปั๊มกุญแจ-ติด GPS ก่อนตามขโมยไปจำนำ
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่1และ2 ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.โชคชัย ว่าเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2563 เวลาประมาณ 20:59 น. นางสาวสุพัตรา มีชัย อายุ 26 ปี ได้มาแจ้งความว่า เมื่อเวลาประมาณ 09:00 น. ผู้เสียหายได้ขับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค 1.8 อีแอล สีขาว หมายเลขทะเบียน 9กก 8693 กทม. ไปจอดยังลานจอดรถแห่งหนึ่งใน ซ.ประดิษฐ์มนูธรรม 19 และไปทำงานในบริเวณใกล้เคียง กระทั่งกลับมาช่วงเย็นพบว่ารถหายไป เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.โชคชัย ได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย และรวบรวมหลักฐาน จนกระทั่งได้ทราบ และขอให้ศาลอาญาอนุมัติหมายจับ นายสรศักดิ์ หรือเบียร์ ธีรเวชสุนทร อายุ 39 ปี และ นายชัยวัฒน์ หรือสิงห์ ธีรเวชสุนทร อายุ 36 ปี ในข้อหา "ร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร" ซึ่งปัจจุบันทั้งคู่ถูกจับแล้ว
พฤติการณ์ในการก่อเหตุ ผู้เสียหายได้นำรถยนต์เข้าไปทำเคลือบแก้วที่ร้านเบียร์ชลบุรีประดับยนต์ ซ.นาคนิวาส16 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กทม. ซึ่งเป็นร้านของนายสรศักดิ์ จากนั้นนายสรศักดิ์ และนายชัยวัฒน์ จะให้ช่างกุญแจที่ติดต่อมาเข้ามาทำกุญแจสำรองเก็บไว้ และเมื่อทำการเคลือบแก้วให้กับลูกค้าเสร็จจึงได้แจ้งให้ลูกค้ามาเอารถยนต์กลับไป โดยที่รู้ว่ามีผู้เสียหายจะนำรถยนต์ไปจอดที่ลานจอดรถยนต์ในซอยประดิษฐ์มนูธรรม 19 และบางคันที่เป็นลูกค้าจร ทั้งคู่จะแอบติดจีพีเอส เพื่อติดตามได้ว่ารถยนต์ของลูกค้าไปจอดที่ใดเพื่อที่จะหาโอกาสเหมาะใช้กุญแจที่ทำการก็อปปี้ไว้เปิดประตูและขับไปให้นายธนัย
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2563 ได้นำกุญแจไปขับเอารถยนต์ของผู้เสียหายออกไป และนำไปฝากเก็บไว้กับนายธนัย ซึ่งเป็นผู้รับจำนำรถในย่านบางใหญ่ และจากการตรวจค้นพบว่านายธนัย ได้เก็บกุญแจรถยนต์ที่มีการก็อปปี้กุญแจรถยนต์ของลูกค้าอีก จำนวน 5 อัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.บช.น.จึงได้ทำการตรวจยึดรถยนต์คันดังกล่าวและกุญแจจำนวน 5 อันไว้ และจับกุมตัวนายนายธนัย ตามหมายจับของศาลอาญา นำส่งพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย และแจ้งให้ผู้เสียหายได้ทราบถึงการตรวจยึดรถยนต์ในครั้งนี้ เพื่อนำหลักฐานมาขอรับรถคืนจากพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีดังกล่าว
ข่าวที่ 2 : แม่ค้าลอตเตอรี่ แจงปมเขียนชื่อหลังสลากฯเป็นเรื่องเข้าใจผิด
ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Little Catfish' ได้โพสต์ภาพสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 17 ม.ค. 2563 หมายเลข 575983 จำนวน 1 ใบ ด้านหลังพบว่ามีการกรอกชื่อ นามสกุล และเบอร์โทรศัพท์ ของผู้ขาย พร้อมระบุว่า กรณีศึกษาและประกาศเตือนทุกคนเวลาซื้อลอตเตอรี่ ต้องดูด้านหลังให้เรียบร้อย ขอเตือนเป็นอุทาหรณ์ ที่สวนตุงและโคมเฉลิมพระเกียรติ 75 พรรษา ถนนธนาลัย (เยื้องพิพิธภัณฑ์ชาวเขา) ต.เวียง อ.เมือง จ.เชียงราย โดยมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาพร้อมลอตเตอรี่ บอกว่าให้ช่วยซื้อหน่อยเหลืออีกไม่เยอะ ทางเราก็ช่วยซื้อแบบไม่คิดอะไร พอเพิ่งมาพลิกด้านหลังดูก็เจอว่า แม่ค้าเขียนชื่อตัวเองพร้อมเบอร์ โทรศัพท์ไว้แบบนี้ สมมติว่าคนซื้อถูกรางวัลเท่ากับว่าเป็นการยักยอกลอตเตอรี่ของคุณหรือไม่ สุดท้ายต้องไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้ก่อนที่ สภ.แม่จัน จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่ผ่านมา เดี๋ยวจะโดนข้อหายักยอกทรัพย์
จากนั้นเมื่อสอบถามไปยัง น.ส.ชุลีกร อินต๊ะรัตน์ แม่ค้าขายลอตเตอรี่ เผยว่า ตนนำได้ลอตเตอรี่ที่น้องสาวซื้อฝากไว้ 1 ใบ เก็บใส่ในกระเป๋ารวมกับลอตเตอรี่ที่เหลือใบอื่น ๆ อีกประมาณ 30 ใบ ทั้งนี้ลอตเตอรี่ขายใกล้หมดแล้ว ซึ่งตนก็ถือเดินขายไม่ได้ใส่ไว้ในแผง แต่บังเอิญลอตเตอรี่ของน้องสาวติดไปด้วย จึงหลงหยิบไปขายให้ลูกค้าคนอื่นที่งานดอกไม้บานสวนตุงโดยไม่ได้ดูว่ามีการเขียนชื่อไว้ด้านหลังสลากฯ
ข่าวที่ 3 : ผู้ว่าฯ กทม. รวบรถลักลอบขนขยะทิ้งศูนย์ฯหนองแขม
กรุงเทพมหานคร ร่วมกับสำนักสิ่งแวดล้อม และตำรวจ เข้าจับกุมรถบรรทุกลักลอบขนขยะจากจังหวัดสมุทรสาคร นำมาทิ้งที่ศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยหนองแขม หลังเฝ้าติดตามพฤติกรรมมานาน 1 สัปดาห์ เบื้องต้นจับกุมคนขับรถบรรทุก 9 คัน เปรียบเทียบปรับ พร้อมกันนี้เตรียมตั้งคณะกรรมสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และแจ้งความดำเนินคดี ที่ทำให้เสียหายต่องบประมาณไม่ต่ำกว่าวันละ 1 แสนบาท
พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า เป็นระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ที่ได้มาเฝ้าติดตามพฤติกรรมการลักลอบขนขยะมาทิ้งที่ศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยหนองแขม เนื่องจากพบความผิดปกติจากการใช้จ่ายงบประมาณ ซึ่งปกติแล้วที่หนองแขมแห่งนี้รับขยะจาก 16 เขต ประมาณ 3,500 ตันต่อวัน คิดเป็นงบประมาณในการดำเนินการมูลค่า 2.1 ล้านบาทต่อวัน แต่กลับพบว่า มีการของงบประมาณเพิ่มทั้งที่ตามกำหนดจะต้องหมดในปี 2564 โดยเฉพาะระยะหลังพบมีการของบประมาณเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกวันละกว่า 1 แสนบาท ที่สำคัญพบมีเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานครเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง จึงได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนตรวจสอบในเรื่องนี้ เพื่อดำเนินการเอาผิดอย่างเด็ดขาด ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ทุจริตในลักษณะเช่นนี้อีก
ขอขอบคุณรูปภาพจาก ข่าวช่องวัน, เพจอีจัน และ Bright TV.