ข่าวที่ 1 : “ทิม พิธา” ซักฟอกรัฐบาลเละ! ลั่นเศรษฐกิจดิ่งเหว รวยกระจุก-จนกระจาย
บรรยากาศการเปิดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นวันแรกในการซักฟอกรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยส่วนใหญ่จะเน้นย้ำจี้ปมในเรื่องเศรษฐกิจและผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับประชาชน หนึ่งในบุคคลสำคัญที่ประชาชนจับตามองมากที่สุด คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ โดยเริ่มต้นการอภิปรายด้วยการแนะนำตัวว่า “กระผม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อจากพรรคที่มีประชาชน 6.3 ล้านคนเลือกมา แต่ถูกศาลรัฐธรรมนูญ 7 คนยุบไปครับ”
โดยพิธาอภิปรายในประเด็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ชี้ให้เห็นว่าการบริหารนโยบายเศรษฐกิจของ พล.อ. ประยุทธ์ ทำให้เกิดสภาพรวยกระจุก จนกระจาย ประชาชนสิ้นหวัง ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติ อีกทั้งยังกล่าวถึงปัญหาเกษตรกรที่มีปัญหาหนี้สิ้น ไม่มีความมั่นคงในชีวิต แม้จะทำงานหนักที่สุด ส่วนพ่อค้าแม่ค้าในตลาดก็มีปัญหาเรื่องขายไม่ดี เงียบเหมือนป่าช้า ส่วนความมั่นคงของคนที่รักษาความมั่นคงให้กับประชาชน โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นที่โคราช ปัญหาธุรกิจในค่ายทหาร การหาผลประโยชน์จากเงินกู้สวัสดิการของทหาร
นอกจากนั้นพิธายังตอกย้ำปัญหาความเหลื่อมล้ำ ถ้าเราไม่ใช่ 1% ของคนในประเทศ ไม่ใช่อภิสิทธิ์ชน เราก็คงไม่มั่นคง เรามาถึงจุดนี้ได้เพราะมาตรการการบริหารเศรษฐกิจของ พล.อ. ประยุทธ์ เหมือนเอายาพาราเซตามอลให้คนเป็นมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นบัตรประชารัฐ ชิมช้อปใช้ พอที่จะบรรเทาอาการความปวดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดลมหายใจเท่านั้น พร้อมทิ้งท้ายการอภิปรายว่า ใครบ้างที่มั่งคั่งจากการบริหารของ พล.อ. ประยุทธ์ สุดท้ายใครกันแน่ที่มั่นคง ใครกันแน่ที่มั่งคั่ง ใครกันแน่ที่ยั่งยืน รัฐบาลนี้อยู่ไม่ได้แล้ว อยู่ต่อไม่ได้แม้แต่ 1 วัน อยู่อีก 1 วันก็จะทำให้ประเทศชาติเสียหายอีก 1 วัน
ข่าวที่ 2 : “เบญจา แสงจันทร์” เปิดคลิปแฉพรรคร่วมรัฐบาล ขอซื้อตัวส.ส. 23 ล้านบาท!
อดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ประมาณ 10 คน นำโดย นางสาวเบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ร่วมกันแถลงข่าว เปิดหลักฐานขบวนการซื้อตัว ส.ส.หลังยุบพรรค เป็นคลิปเสียงของผู้ชาย ความยาว 3 นาที มีเนื้อหาเจรจาเชิญชวน โดยเสนอราคา 23 ล้านบาทต่อคน
โดย นางสาวเบญจา ระบุว่า ตนได้รับการติดต่อ หลังถูกยุบพรรค ทำให้เป็นคนมีค่าตัว และตลาดเปิดซื้อขายกันอย่างเสรี ทั้งใต้ถุนสภา / ที่จอดรถ แม้แต่พื้นที่ในสภา มีการซื้อ และ เปิดเผยตัวตนแบบไม่เกรงใจ เป็นเรื่องปกติ สิ่งที่เกิดขึ้นทำลายระบบพรรคการเมือง ระบบรัฐสภา ทำลายความเชื่อมั่นของประชาชน ดังนั้นจึงขอฝากไปยังพรรครัฐบาล ไม่ว่า “จะจ่ายให้เรากี่หมื่นล้าน ดิฉันยืนยัน ว่าซื้ออุดมการณ์ไม่ได้ แม้เราเป็น ส.ส.หน้าใหม่ แต่การก้าวเข้ามาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ทำให้หมดศรัทธา”
ขณะที่ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ อดีตรองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ระบุว่า ขอไม่ให้รายละเอียด ตามกระแสข่าวว่ามี อดีต ส.ส.อนาคตใหม่ ได้ย้ายพรรคไปแล้ว และขอไม่เปิดเผยชื่อคนที่เป็นคลิปเสียงในคลิป รวมถึงพรรคที่ติดต่อเข้ามา พร้อมให้ประชาชนได้จับตาการตัดสินใจของ ส.ส.จากนี้ และอยากให้สื่อมวลชนไปสืบสวนสอบสวนดูว่าเสียงนี้เป็นใคร ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เป็นส.ส.ซีกรัฐบาล มีอักษร ย่อ ศ. ส่วนหลักฐานดังกล่าว เตรียมหารือฝ่ายกฎหมายเพื่อดำเนินการต่อไป
ข่าวที่ 3 : นิสิต-นักศึกษา นัดรวมตัวเรียกร้องประชาธิปไตย
หลังจากที่มีการวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานั้น ส่งผลให้อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 36 คน ออกแถลงการณ์ต่อคดียุบพรรคอนาคตใหม่ โดยมีความเห็นคัดค้านกับการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในกรณีการยุบพรรคอนาคตใหม่ ใน 4 ประเด็น คือ 1.มองว่าพรรคการเมืองไม่ใช่นิติบุคคล ที่ใช้อำนาจมหาชนจึงกู้เงินได้ / 2. การคิดดอกเบี้ยและกำหนดอัตราดอกเบี้ยเป็นเสรีภาพในข้อตกลงระหว่างเจ้าหนี้และผู้กู้ยืม / 3. ข้อเท็จจริงของคดีไม่สามารถปรับเข้ากับมาตรา 72 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยเรื่องพรรคการเมืองได้ / 4.ศาลไม่ควรใช้อำนาจในการยุบพรรค เว้นแต่พรรคการเมืองนั้นจะทำความผิดร้ายแรงจนยากแก่การควบคุม ซึ่งคณาจารย์ทั้ง 36 คน ได้ลงชื่อร่วมกันในแถลงการณ์ฉบับนี้ เพื่อแสดงจุดยืนในความคิดเห็น
ขณะที่สถานการณ์ล่าสุด เมื่อวันที่ 24 ก.พ. นิสิตจุฬาฯ รวมตัวกันจัดกิจกรรม "เสาหลัก จะไม่หักอีกต่อไป" บรรดานิสิตก็มารวมตัวกันที่หอประชุมใหญ่ จัดกิจกรรมต้านความอยุติธรรมต้านความอนุติธรรมทุกรูปแบบ ประกาศเจตนารมย์ไม่เห้นด้วยกับโทษการยุบพรรคการเมือง
ทางด้านมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน นักศึกษากว่าพันคน ร่วมแสดงพลังจัดกิจกรรม "ม.เกษตรฯไม่ใช่ขนมหวานราดกะทิ" มีการนำป้ายผ้ามาแสดงความคิดเห็น ขึ้นเวทีปราศัย ต่อต้านระบบเผด็จการ
นอกจากนี้ตามมหาวิทยาลัยอื่นๆ ก็จัดกิจกรรมด้วยเช่นกัน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดกิจกรรมเขียนจดหมายต่อต้านความอยุติธรรม ที่จะจัดขึ้นในวันนี้ (25 ก.พ. 63) โดยร่วมติด #ช้างเผือกจะไม่ทน
ส่วนวันพุธที่ 26 ก.พ. 63 ก็เตรียมจัดกิจกรรมกันหลายที่ โดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เตรียมจัดกิจกรรมที่บริเวณลานพญานาค,มหาวิทยาลัยศิลปากร นัดจัดกิจกรรมที่สะพานแก้ว รวมถึงมหาวิทยาลัยรามคำแหง นัดจัดกิจกรรมที่ลานพ่อขุน วิทยาเขตหัวหมาก
ข่าวที่ 4 : นกสกู๊ต-นกแอร์ เลิกจ้าง 28 นักบิน 50 ลูกเรือ ไลอ้อนแอร์ใช้มาตรการสมัครใจหยุดงาน
วันที่ 24 ก.พ. 63 มีรายงานข่าวจากวงการนักบิน แจ้งว่าจากปัญหาเศรษฐโลกชะลอตัว ประกอบกับปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 ทั่วโลกที่เข้ามาซ้ำเติม ทำให้หลายสายการบินจำเป็นต้องยกเลิกและลดเที่ยวบิน ไปยังประเทศที่มีความเสี่ยงในการแพร่ระบาด เช่นจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ส่งผลให้หลายสายการบินเริ่มใช้มาตรการปรับลด (เลย์ออฟ) นักบินและลูกเรือแล้ว
โดยเมื่อช่วงวันที่ 21 ก.พ. ที่ผ่านมาสายการบินนกแอร์ได้สั่งปลดนักบินแล้วจำนวน 4 คน โดยอ้างว่าปัญหาการแพร่ระบาดของโควิดทำให้สายการบินต้องปรับลดเที่ยวบิน ส่วนสายการบินนกสกู๊ต ซึ่งเป็นสายการบินร่วมทุนระหว่างนกแอร์กับสายการบินสกู๊ตของสิงคโปร์นั้น ล่าสุดได้ถอดเครื่องบินออกจากการทำการบิน จำนวน 2 ลำ จากผลกระทบอุตสาหกรรมการบินที่ซบเซาจำนวน 1 ลำ และจากปัญหาพิษไวรัสโควิด19 ที่แพร่ระบาดอีก 1 ลำ ทำให้จำเป็นต้องปรับลดจำนวนนักบินและลูกเรือลงตามไปด้วย
ล่าสุดได้ประกาศเลิกจ้างนักบินแล้วรวมทั้งสิ้น 24 คน ซึ่งเป็นนักบินสัญชาติไทยทั้งหมดโดยใช้วิธีเข้ามาทำงานที่หลังโดนคัดออกก่อน รวมทั้งยังทำการเลิกจ้างลูกเรืออีก 50 คนโดยในส่วนของนักบินนั้นพบว่าสายการบินเลิกจ้างในระหว่างสัญญา จึงทำให้มีนักบินหลายรายอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อฟ้องร้องดำเนินคดีกับสายการบินนกสกู๊ตในข้อหาเลิกจ้างไม่เป็นธรรมแล้ว
ทั้งนี้ยังมีรายงานอีกว่าสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ ได้ประกาศใช้มาตรการ Leave without pay หรือให้สมัครใจการลาหยุดงานโดยไม่รับเงินเดือนกับนักบินและลูกเรือของสายการบินอีกด้วย
ข่าวที่ 5 : หนุ่มตั้งใจรมควันในรถ สุดท้ายทนไม่ไหว-หนีออกมาทัน
เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิพุทไธสวรรย์ รับแจ้งมีชายล้มหมดสติ อยู่กลางลานดินในพื้นที่หมู่ที่ 2 ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา พบชายนอนหมดสติอยู่ 1 ราย สวมเอี้ยมขายของของร้านแห่งหนึ่ง พบว่าตามตัวมีบาดแผลถลอกและฝุ่นเต็มตัว ใกล้ผู้บาดเจ็บ พบรถกระบะ สตาร์ทเครื่อง เปิดไฟหน้า เปิดประตูรถด้านฝั่งคนขับอยู่ ตรวจสอบภายในรถเจ้าหน้าที่ถึงกับผงะ เนื่องจากมีความร้อนออกมาจากภายในรถ ด้านในมีเตาถ่านตั้งอยู่เบาะหลัง เบื้องต้นคาดว่าผู้บาดเจ็บน่าจะมีความเครียดอย่างหนัก จึงอาจจะตัดสินใจจบชีวิตตนเอง แต่ขณะก่อเหตุอาจทนความร้อนและขาดอากาศในรถไม่ไหว จึงพยายามเปิดประตูรถออกมา และตะเกียกตะกายอยู่บนพื้นถนนจนตามตัวมีบาดแผลก่อนนอนหมดสติ
สอบถามนายนราพันธ์ หลานชาย ซึ่งพบเบอร์ในโทรศัพท์ของผู้บาดเจ็บ เล่าว่า น้าชายเปิดร้านมินิมาร์ท ภายในนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งใน จังหวัดสระบุรี เคยบ่นให้ฟังอยู่บ่อยๆว่าขายของไม่ค่อยดี เนื่องจากเศรษฐกิจซบเซา เชื่อว่าน่าจะเป็นเหตุผลในการตัดสินใจครั้งนี้ เบื้องต้น ผู้บาดเจ็บมีอาการรู้สึกตัวดี แต่ยังไม่สามารถให้การอะไรได้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งตัวไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาเรียบร้อยแล้ว
ขอขอบคุณรูปภาพและคลิปจาก เพจอนาคตใหม่ - Future Forward, MThai News, เพจพรรณิการ์ วานิช,
Nokskoot, Thai Lion Air, ข่าวช่องวัน, คมชัดลึก
