ข่าวที่ 1 : 'บิ๊กตู่-อนุทิน' เตรียมรับมือผีน้อย คาดอาจแตะหมื่นคน
ความคืบหน้ากรณีแรงงานคนไทยที่ไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้อย่างผิดกฎหมาย หรือผีน้อย ลงทะเบียนรายงานตัวเพื่อกลับประเทศไทย หนีวิกฤตโควิด-19 ล่าสุดมีรายงานว่า ผีน้อยไม่ได้กลับไทยมาทีเดียว 5,000 คน แต่เป็นตัวเลขคนที่ลงทะเบียนตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 และทยอยกลับมา โดยในวันที่ 2 มี.ค.2563 มีผีน้อยกลับไทย 8 คน พบว่ามีไข้ 2 คน ได้นำไปกักตัวที่โรงพยาบาล ส่วนอีก 6 คน ให้กลับไปกักตัวที่บ้าน 14 วัน ด้านสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เปิดเผยว่า ได้ประสานสายการบินให้แยกโซนที่นั่งสำหรับผีน้อย และเมื่อมาถึงสนามบินจะผ่านการคัดกรองอย่างเข้มข้นด้วยเทอร์โมสแกน
ขณะที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมเรียกประชุมวันนี้ รับมือผีน้อยเกาหลี โดยพลเอกประยุทธ์ บอกว่าปัญหาใหญ่คือจะควบคุมคนจำนวนมากได้อย่างไร เพราะไม่ใช่แค่ร้อยกว่าคน แต่มีจำนวนหลายพันและอาจแตะถึงหมื่นคน เนื่องจากลงทะเบียนรายงานตัวได้ถึงเดือนมิถุนายน
ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหม่ ส่วนตัวยอมรับว่ารู้สึกช็อก เพราะไม่ทราบว่ามีปัญหานี้มาก่อน ซึ่งมาตรการกรณีผีน้อยนี้จะเข้มข้นกว่ารับคนไทยจากอู่ฮั่นของจีนอย่างแน่นอน เนื่องจากกรณีอู่ฮั่นเป็นระบบปิดที่รัฐบาลนำเครื่องบินไปรับ แต่กรณีนี้เป็นระบบเปิดที่ต่างคนสามารถเดินทางกลับมาโดยเครื่องบินพาณิชย์ และไม่ได้กลับเข้ามาพร้อมกันทั้งหมด และยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด โดยมาตรการที่ต้องพิจารณาคือการกักตัวที่ว่าจะดำเนินการในรูปแบบใด จะให้กักตัวด้วยตัวเอง หรือใช้มาตรการควบคุมการกักตัว
ข่าวที่ 2 : เพจดังเผย! 4 ข้อเสนอของผีน้อย ชาวเน็ตด่าเพียบ!
เมื่อวันที่ 3 มี.ค. เพจ Drama-addict สรุปข้อเรียกร้องจาก ผีน้อย แรงงานไทยลักลอบเข้าประเทศเกาหลีใต้ผิดกฎหมาย หลังเกิดการระบาดของเชื้อโควิด19 ในเกาหลีใต้ ส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสม 4,335 ราย เสียชีวิต 26 ราย สูงเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากจีน โดย 4 ข้อเสนอของเหล่า "ผีน้อย" ต่อภาครัฐฯ ซึ่งเมื่อฟังดูแล้วนั้น ยิ่งทำให้ชาวเน็ตปรี๊ดแตกกันมากกว่าเดิม พร้อมโจมตีกลุ่ม "ผีน้อย" ว่าเป็นภาระต่อสังคม เห็นแก่ตัว และมีสิทธิที่จะทำให้คนไทยเดือดร้อนได้ โดยทางเพจระบุว่า สำหรับข้อเสนอของ "ผีน้อย" ต่อภาครัฐฯ มีดังนี้ 1. ตอนนี้ไวรัสระบาดที่เกาหลีใต้ เลยไม่มีงานทำ เงินก็หมด เลยอยากขอกลับไทย / 2. กลัวว่ากลับไทยแล้วจะไม่มีงานทำ ขอให้รัฐบาลไทยหางานให้ทำด้วยตอนกลับถึงไทยแล้ว / 3. ระหว่างนี้ช่วยส่งหน้ากากอนามัยมาให้ด้วยเพราะที่นี่หาหน้ากากอนามัยยากมาก / 4. ส่วนเรื่องกลับไทย ขอให้รัฐบาลช่วยเหลือเรื่องค่าตั๋วกลับไทยด้วย โดยหลังจากเผยแพร่โพสต์นี้ออกไป ก็ทำให้ชาวเน็ตเข้ามาโจมตีกลุ่ม "ผีน้อย" กันอย่างดุเดือดใต้โพสต์ซึ่งหลายความเห็นต่างชี้เป้าไปยังประเด็นที่ว่า ข้อเสนอที่ขอมานั้นเห็นแก่ตัวสุดๆ และเป็นภาระต่อภาครัฐฯ ไทยด้วย และไม่คำนึงถึงตอนที่ไปซึ่งตอนนั้นคนกลุ่มนี้ก็ลักลอบเข้าประเทศเกาหลีใต้อย่างผิดกฎหมาย แต่เมื่อจะกลับไทยกลับยื่นข้อเสนอชนิดที่อำนวยความสะดวกแก่ตัวเองสุดๆ
ข่าวที่ 3 : “สิระ” เตรียมแจ้งความ หลังซื้อหน้ากากจากโรงงาน แต่ไม่มีคุณภาพ
จากกรณีที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. เขตหลักสี่ พรรคพลังประชารัฐ ได้ควักเงินเดือนและเบี้ยประชุมเดือนกุมภาพันธ์ ซื้อหน้ากากอนามัย 10,000 ชิ้น ผ่านอินเทอร์เน็ตในราคาแผ่นละ 14.75 บาท มาแจกประชาชนที่บ้านทรงไทย ถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อช่วงเช้าของวานนี้
ล่าสุด รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรืออาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “สรุปผลการตรวจหน้ากากของคุณสิระที่เอามาแจกประชาชน วิเคราะห์ด้วยเทคนิค FT-IR-ATR เป็น ผ้าสปันบอนด์ ที่เกิดจากเส้นใยสังเคราะห์ของโพลิเมอร์ ที่เป็น “Polypropylene (PP)” ลักษณะทางกายภาพมีกลิ่นเหม็นพลาสติก มีขนาดบางมากๆ เส้นใยสีฟ้าเป็นการย้อมสีเพื่อให้ดูรู้สึกดี แต่ทั้ง 3 ชั้นบางมากและเป็นพอลิเมอร์ชนิดเดียวกัน ที่สำคัญมีกลิ่นฉุน แตกยุ่ยได้ง่าย ซึ่งจะก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เรียกว่าไมโครพลาสติก หากสูดดมเข้าไปในร่างกาย มีความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง หากนำไปล้างน้ำและไหลลงไปในระบบนิเวศ เช่นแม่น้ำลำคลอง สัตว์น้ำสัตว์ทะเลจะได้รับไมโครพลาสติกพวกนี้กลับเข้ามาสู่ระบบและมนุษย์ก็ไปกินสัตว์น้ำเหล่านี้ก็จะเข้ามาสู่ร่างกายได้เช่นกัน ในระยะยาวพลาสติกเหล่านี้ย่อยสลายได้ยากมาก และเป็นกลุ่มเสี่ยงชื่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แนะนำให้ส่งคืน #ใช้ภาพและข้อความได้เลยครับ”
ล่าสุด นายสิระ เตรียมนำพยานหลักฐานไปแจ้งความที่ สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อเอาผิดต่อโรงงานและผู้จำหน่ายหน้ากาก ฐานฉ้อโกงประชาชน และได้ประสานรองศาสตราจารย์วีรชัย พุทธวงศ์ นักวิชาการภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์ ที่ได้วิจัยหน้ากากดังกล่าวไปเป็นพยานในคดีด้วย และเตรียมแจ้งต่อ สคบ.เหตุสินค้าไม่มีคุณภาพ ก่อนจะย้ำว่าซื้อแจกประชาชนด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ยอมรับเป็นบทเรียน พร้อมกันนี้เตรียมจะตรวจสอบโรงงานอื่นๆ ด้วย
ข่าวที่ 4 : ประกาศ รพ.จุฬาฯ งดคลินิกตรวจสุขภาพทั้งคนไทยและต่างชาติ
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2563 โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้ออกประกาศ เรื่องการให้บริการผู้ป่วยเพื่อป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยในประกาศ ได้มีการอ้างถึง ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติประกาศให้ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID19) เป็นโรคติดต่ออันตราย ลำดับที่ 14 ตาม พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ของไทยนั้น
ในการนี้เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถปฏิบัติตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ในการป้องกันและควบคุมไม่ให้มีการแพร่ระบาด โรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) และลดความคับคั่งของผู้ป่วยในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จึงให้ดำเนินการ ดังนี้ 1. งดบริการตรวจสุขภาพคนไทย ณ คลินิกตรวจสุขภาพ อาคาร ภปร ชั้น 16 แต่ยังคงให้บริการคลินิกอื่นๆ ตามปกติ / 2. งดบริการตรวจสุขภาพของคนต่างชาติ ณ คลินิกตรวจสุขภาพ อาคาร ภปร ชั้น 16 / 3. งดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพที่มีการชุมนุม หรือมีคนแออัดและคับคั่ง ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ออกประกาศเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 โดย ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ ผู้อำนวยการโรงพยาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สำหรับประชาชนที่จะไปใช้บริการ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-2256-4000 กด 0
ข่าวที่ 5 : ผงะ! สาวขี่ จยย.แหกโค้งเข้าป่า เจอศพชายปริศนา
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปลวกแดง จ.ระยอง ได้รับแจ้งเหตุว่า มีผู้ได้รับอุบัติเหตุรถ จยย.แหกโค้งตกลงไปในป่ารกทึบและลาดชัน แล้วไปพบศพพร้อมด้วยรถ จยย.ซึ่งน่าจะเกิดอุบัติเหตุนานแล้ว เหตุเกิดอยู่ตรงทางโค้งถนนสายรอบอ่างเก็บน้ำดอกกราย หมู่ 7 ต.แม่น้ำคู้ อ.ปลวกแดง จึงไปสอบสวน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ปลวกแดง
เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัว น.ส.ปิยะนุช เขียวสระคูอายุ 32 ปี ผู้บาดเจ็บส่ง รพ.ปลวกแดง กับ นายณปภา บุญอาษา อายุ 29 ปี ซึ่งต่อมา น.ส.ปิยะนุช ได้เสียชีวิตที่ รพ.ปลวกแดง ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบศพชายทราบชื่อต่อมาคือ นายน้อย ขันแข็ง อายุ 43 ปี ซึ่งศพอยู่ในสภาพเริ่มแห้งส่งกลิ่นเหม็น คาดว่าเสียชีวิตมาประมาณ 1 เดือนแล้ว ห่างจากศพนายน้อยประมาณ 2-3 เมตรพบรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า เวฟไอ สีขาว-ดำ นอนตะแคงอยู่ติดกับต้นโพธิ์ต้นเล็กๆ หลังจากตรวจที่เกิดเหตุแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมอบศพ นายน้อย ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่งให้แพทย์ รพ.ปลวกแดงชันสูตรอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุการณ์เสียชีวิตที่แท้จริง
ด้าน นายณปภา บุญอาษา ได้เล่าว่าเมื่อหัวค่ำ น.ส.ปิยะนุชได้ชวนตนมาเที่ยวงานเปิดตลาดใหม่ ที่ซอย 3 ต.แม่น้ำคู้ อ.ปลวกแดง โดย น.ส.ปิยะนุช เป็นคนขับขี่ใช้จีพีเอสนำทาง เพราะว่าพวกตนไม่ชินเส้นทาง จีพีเอส ก็นำทางมาตามถนนสายรอบอ่างดอกกราย จนมาถึงทางโค้งและมืดมากทำให้รถ จยย.แหกโค้งตกลงไปในป่า ทำให้ น.ส.ปิยะนุชได้รับบาดเจ็บสาหัสและสลบไป ส่วนตนยังมีสติจึงลุกเดินจะขึ้นมาบนถนนเพื่อให้ชาวบ้านช่วย ขณะที่ตนเดินมาได้ประมาณ 5 เมตรก็พบรถ จยย.ล้มคว่ำอยู่ในป่าและพอเดินมาอีกประมาณ 2-3 เมตรก็พบศพคน ตนจึงรีบขึ้นไปบนถนนเจอชาวบ้านขี่รถ จยย.ผ่านมาพอดี จึงร้องขอความช่วยเหลือและโทรแจ้งตำรวจและกู้ภัยมาช่วย
ขอขอบคุณรูปภาพและคลิปจาก Bright TV., เพจ Drama-addict, ข่าวช่องวัน,
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และ คมชัดลึก
