ข่าวที่ 1 : สาวไทยกลับญี่ปุ่นดับปริศนา ผลชันสูตรไม่ติดโควิด-19
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 5 มีนาคม 2563 จากที่โซเชียลมีเดียได้เผยแพร่การเสียชีวิตของ น.ส.มาริสา สมเพชร อายุ 28 ปี ในโรงแรมแห่งหนึ่ง ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี มีประวัติเดินทางมาจากประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2563 และเข้าพักในโรงแรมดังกล่าว เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2563 และพบว่าเสียชีวิตภายในห้องพักดังกล่าวเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2563 เวลาประมาณ 23.20 น.
ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานีได้เผยแพร่ หนังสือแถลงข่าว จากระบบเฝ้าระวังโรคและการคัดกรองของกระทรวงสาธารณสุข ว่า ณ ขณะนี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กรณีพบหญิงเสียชีวิตภายในห้องพักย่านรังสิต หลังเดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น จนทำให้เกิดความกังวลว่าจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้วเสียชีวิตซึ่งมีการแชร์ในออนไลน์อย่างกว้างขวาง จากผลการชันสูตรไม่พบการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับกระทรวงสาธารณสุขโดยตรงเพื่อรายงานข้อมูลปัจจุบัน
ด้านนายนราพงศ์ ธีรอัครวิภาส นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า สาเหตุของการเสียชีวิตของหญิงต้องสงสัยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามที่มีประชาชนเผยแพร่ตามสื่อออนไลน์นั้น ต้องรอผลจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ แต่ผลแลปเบื้องต้นจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้บอกชัดเจนว่าไม่พบเชื้อ ไวรัสโควิด-19 แต่อย่างใด
ข่าวที่ 2 : ผวาโควิด-19 ยกเลิกจัดสงกรานต์ 4 จังหวัดใหญ่
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้หลายจังหวัด ประกาศยกเลิกจัดสงกรานต์ปี 2563 เพื่อไม่เกิดการรวมตัวของกลุ่มคนจำนวนมาก และป้องกันการแพร่ระบาด เช่นที่ จ.ชลบุรี งดการจัดงานประเพณี ก่อพระทราย วันไหลบางแสน ประจำปี 2563 ในวันที่ 16-17 เมษายนนี้
ขณะที่ จ.ขอนแก่น นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น ก็ได้สั่งงดจัดงานประเพณีสงกรานต์ ถนนข้าวเหนียว แต่การอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี ที่สืบทอดต่อกันมายังคงมีให้ประชาชนได้ร่วมทำบุญ และร่วมสนุกแต่ไม่ยิ่งใหญ่อย่างที่เคย
ที่ จ.บุรีรัมย์ นายเนวิน ชิดชอบ โพสต์ผ่านเพจ ลุงเนวิน ยืนยันงดจัดสงกรานต์ บุรีรัมย์ ระบุว่า "ปีนี้ งดจัดสงกรานต์ช่วยป้องกันโควิด-19 ควบคุมโรคระบาดรับผิดชอบต่อสังคม เริ่มต้นที่ตัวเราทุกคน"
ขณะที่ จ.สุราษฎร์ธานี งดจัดงาน ฟูลมูนปาร์ตี้ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 มีนาคมนี้ เช่นกัน
แต่ทาง จ.เชียงใหม่ ยังประกาศเดินหน้าจัดงานประเพณีสงกรานต์ หรือปี๋ใหม่เมือง ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 เมษายนนี้ เนื่องจาก จ.เชียงใหม่ เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ ทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติจำนวนมาก เดินทางมาเล่นสาดน้ำสงกรานต์ที่ จ.เชียงใหม่ จังหวัดและหน่วยงานต่างๆ จึงต้องเตรียมความพร้อมจัดงานเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว แต่หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย และรัฐบาลประกาศให้งด หรือเลื่อนการจัดงานออกไป จังหวัดก็พร้อมปฎิบัติตามเพื่อสุขภาพของพี่น้องประชาชน ซึ่งทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันเพื่อหยุดการแพร่ระบาดในวงกว้าง โดยเฉพาะประชาชนที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง จำเป็นต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน เพื่อความปลอดภัย
ข่าวที่ 3 : ก.พาณิชย์จัดสรรหน้ากาก ลั่นหมอ-รพ.ต้องได้ก่อน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันกรมการค้าภายใน ได้แบ่งหน้ากาก 600,000 ชิ้น จากโรงงานผู้ผลิต มาบริหารจัดการร่วมกัน ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง กระจายออกตลาดโดยโรงงานผู้ผลิตเอง แต่นับจากวันนี้ หน้ากากที่ผลิตได้จากโรงงานทุกชิ้น จะถูกนำมาบริหารโดยศูนย์กระจายหน้ากากอนามัย ตามมติ ครม. โดยมีกระทรวงสาธารณสุขบริหารร่วมกันกับกระทรวงพาณิชย์ และมีผู้แทนจากโรงพยาบาลต่างๆ ร่วมบริหารหน้ากากที่ผลิตได้วันละ 1.2 ล้านชิ้น โดยจัดสรรให้กระทรวงสาธารณสุข 700,000 ชิ้น กระจายไปยังสถานพยาบาลทั้งหมดทั้งประเทศ ที่เหลือประมาณ 500,000 ชิ้น กระจายไปยังกลุ่มเสี่ยง และประชาชน ขายในราคา 2.50 บาท โดยต้นทุนส่วนเกินรัฐบาลจะเป็นผู้รับภาระเอง
ด้านกรมการค้าภายใน จัดรถโมบายเคลื่อนที่ออกไปจำหน่ายหน้ากากอนามัยแพ็กละ 4 ชิ้น ขาย 10 บาท จำนวน 111 คัน แบ่งเป็นใน กทม. 21 คัน และต่างจังหวัด 90 คัน เน้นตามแหล่งชุมชน และเนื่องจากหน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุมแล้ว แม้จะยังไม่มีการกำหนดปริมาณการครอบครอง แต่ผู้ที่มีพฤติกรรมกักตุน หรือ ขายเกินราคา จะถูกดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท
ขณะที่ทางซีพี นำโดยนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด เปิดเผยว่า ได้ตัดสินใจนำเงินจำนวนประมาณ 100 ล้านบาท เร่งสร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยเพื่อแจกจ่ายฟรีแก่บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลที่มีความจำเป็นและประชาชนทั่วไปที่ขาดโอกาสในการเข้าถึง ในช่วงเวลาวิกฤตที่คนไทยขาดแคลนหน้ากากอนามัย โดยจะใช้ศักยภาพของเครือข่ายการลงทุนที่มีอยู่ทั่วโลก จัดหาเครื่องจักรและวัตถุดิบที่ได้มาตรฐานสุขอนามัย สามารถใช้ในการป้องกันเชื้อโรคโดยเฉพาะเชื้อไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้โดยโรงงานดังกล่าวจะสร้างเสร็จภายใน 5 สัปดาห์ จะมีกำลังการผลิตประมาณเดือนละ 3 ล้านชิ้น เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลมีความจำเป็น และประชาชนที่ยังขาดโอกาสเข้าถึงต่อไป
ข่าวที่ 4 : รัฐบาลเกาหลีร่วมมือกักตัว “แรงงานไทย” 14 วัน ก่อนส่งกลับ
วันที่ 6 มีนาคม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการเตรียมความพร้อมในการเดินทางกลับบ้านของแรงงานไทย เพื่อความปลอดภัยของแรงงานไทยจากเกาหลีใต้ที่เดินทางกลับประเทศ และเพื่อคัดกรองผู้ป่วยให้ได้รับการรักษาต่อกรณีดังกล่าว
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้หารือทางโทรศัพท์กับ นางคัง คยอง-ฮวา รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ โดยได้ตกลงที่จะร่วมมือกันใน 3 มาตรการ คือ 1. ขอให้แรงงานไทยอยู่ในเกาหลีใต้ 14 วันก่อนที่จะเดินทางกลับไทยเพื่อเฝ้าดูอาการ /
2. เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจคัดกรองที่สนามบินสำหรับผู้โดยสารที่จะขึ้นเครื่องของทุกสายการบินที่จะเดินทางมาไทย (exit screening) /
3. ขอให้เกาหลีใต้ส่งข้อมูลแรงงานไทยที่ลงทะเบียนเดินทางกลับไว้กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ เพื่อที่จะได้เตรียมการและส่งแรงงานไทยกลับภูมิลำเนาได้อย่างเรียบร้อย
โดยรัฐบาลเกาหลีใต้ให้คำมั่นว่า จะดูแลคนไทยในเกาหลีใต้เป็นอย่างดี หากเจ็บป่วยก็จะเข้ากระบวนการรักษาให้หายดี ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีมั่นใจต่อมาตรการที่เตรียมการไว้เพื่อรองรับการเดินทางกลับบ้านของแรงงานไทยจากเกาหลีใต้ เข้าใจสังคมที่มีความห่วงกังวล รัฐบาลมีการประเมินสถานการณ์ทุกวัน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงขอให้ประชาชนเข้าใจและให้ความร่วมมือกับการดำเนินการตามมาตรการเพื่อความปลอดภัยในสังคม
ขอขอบคุณคลิปและรูปภาพจาก อีจัน, คมชัดลึก, กระทรวงสาธารณสุข และ Workpoint news
