ข่าววันนี้ วิทยาศาสตร์การแพทย์ก้าวไกลมากขึ้น อย่างที่เราทราบกันดีการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะเป็นวิทยาการที่สามารถทำได้มาเป็นเวลานาน แต่ไม่น่าเชื่อว่าการผ่าตัดเปลี่ยนศีรษะที่ดูมีข้อจำกัดจะสามารถทำได้จริง
นาย วาเลรี สปิริดนอฟ ชายชาวรัสเซียวัย 31 ปี ผู้มีอาชีพเป็นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ เป็นผู้ป่วยคนแรกที่อาสาสมัครเข้าโครงการผ่าตัดเปลี่ยนศีรษะ ที่จะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคมปี 2017 ซึ่งเขายอมลงทุนขายของส่วนตัวที่มีอยู่เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับงานวิจัยและการผ่าตัดด้วยวงเงิน 14 ล้านปอนด์ หรือราว 642 ล้านบาท
(ขอบคุณภาพจาก sputniknew)
สำนักข่าว Dailymail รายงานว่า นาย วาเลรี สปิริดนอฟ ได้เปิดร้านขายของออนไลน์เพื่อเก็บเงินจากขายสินค้าของเขาให้ได้ตามเป้า ตั้งแต่แก้วน้ำที่ราคาเริ่มต้นที่ 230 บาท เสื้อเชิ้ตแขนยาวราคา 930 บาท รวมไปถึงเคสไอโฟน
เหตุผลที่เขาตัดสินใจทำเช่นนี้ เนื่องมาจากเขาทุกข์ทรมานจากโรคกล้ามเนื้อลีบที่ถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรมตั้งแต่กำเนิด ซึ่งนับวันอาการยิ่งทรุดหนักลง และเขาทราบดีว่าในไม่ช้าโรคนี้ต้องคร่าชีวิตเขาไปแน่นอน แต่แล้วเขาก็ได้พบกับ ดร.เซอร์จิโอ คานาเวโร ศัลยแพทย์ชาวอิตาลี ที่อาจจะเป็นความหวังให้เขาได้กลับมามีชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง
หลังจากที่เขาได้ศึกษางานวิจัยของ ดร.เซอร์จิโอ คานาเวโร จึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการผ่าตัดเปลี่ยนศีรษะเข้าอีกร่าง โดยทั้งคู่มั่นใจว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่จะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกและเทคโนโลยีทางการแพทย์ไปอย่างแน่นอน โดยระหว่างนี้นาย วาเลรี ต้องเข้าร่วมประชุมเพื่อทราบรายละเอียดการผ่าตัดและเตรียมความพร้อม ก่อนจะเริ่มดำเนินการในเดือนธันวาคมปี 2017 โดยคาดว่าการผ่าตัดจะใช้เวลาราว 36 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เคยมีการผ่าตัดเปลี่ยนศีรษะลิงเมื่อปี ค.ศ 1970 แต่ถึงจะสำเร็จแต่ลิงไม่สามารถขยับตัวในร่างใหม่ได้ และเสียชีวิตลงในอีก 9 วันต่อมา ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยกัน โดยก่อนหน้านี้ ดร.เซอร์จิโอ คานาเวโร ได้ลงมือผ่าตัดเปลี่ยนศีรษะลิงด้วยตัวเองมาแล้ว และอ้างว่าลิงนั้นรอดชีวิตมาได้ แต่พวกเขาต้องฆ่ามันในอีก 20 ชั่วโมงให้หลังเนื่องจากเหตุผลด้านจริยธรรม ถึงอย่างไรก็ตามต้องมาคอยดูกันว่าพวกเขาจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเทคโนโลยีทางการแพทย์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าได้หรือไม่?
(ขอบคุณภาพจาก Zuma/Shutterstock)
ชมคลิป
ดร.เซอร์จิโอ คานาเวโร ออกมาพูดถึงการผ่าตัดเปลี่ยนศรีษะใน TEDx Talks
ขอบคุณข้อมูลจาก Dailymail, Ruptly TV