ธนาธร - ปิยบุตร ลุ้นอัยการนัดฟังความเห็นตำรวจ คดีไลฟ์สดจัดรายการพลังดูด คสช ด้านตำรวจยังไม่มีความเห็นพ้อง หรือ ขัดแย้งกับอัยการ นัดฟังอีกครั้ง 2 ธ.ค.นี้
เช้าวันนี้ 28 ต.ค. 62 ณ สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานอัยการ เพื่อฟังคำสั่งในคดีที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 จากกรณีที่ จากกรณีจัดรายการผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์วิจารณ์พลังดูดของรัฐบาล คสช. ซึ่งในคดีดังกล่าวนั้นทางด้านอัยการได้มีคำสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาทำความเห็นกลับมา ว่าจะยืนยันฟ้องต่อหรือไม่ หากยืนยันสั่งฟ้องตามสำนวน ก็จะต้องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ในเวลาเดียวกันทางด้าน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้เดินทางมาพร้อมกับ ธนาธร พบพนักงานอัยการ ในคดีที่กองบังคับการปราบการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ปอท.) ได้ยื่นฟ้องนายปิยบุตรในข้อหาดูหมิ่นศาลรัฐธรรมนูญ จากกรณีแถลงข่าววิจารณ์การยุบพรรคไทยรักษาชาติ
ต่อมา นายกฤษฎางค์ นุตจรัส หัวหน้าทีมทนายความของทั้งสองคน เปิดเผย หลังพบพนักงานอัยการ ว่า จากการพบพนักงานอัยการวันนี้ ในส่วนคดีของนายธนาธร สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังคงไม่ทำความเห็นกลับมา โดยพนักงานอัยการจะนัดนายธนาธรมาพบอีกครั้งในวันที่ 2 ธันวาคม 2562 ซึ่งหากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความเห็นด้วยกับอัยการก็จบ หากมีความเห็นยืนยันสั่งฟ้อง ก็จะเป็นการพิจารณาของพนักงานอัยการต่อไป
ส่วนคดีของนายปิยบุตรนั้น วันนี้เป็นวันที่ ปอท.ต้องนำส่งตัวให้สำนักงานอัยการสูงสุด โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความเห็นฟ้องเพียงข้อหาดูหมิ่นศาล ตาม ป.อาญา มาตรา 198 แต่ไม่ฟ้องในข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งพนักงานอัยการจะขอนัดเพื่อฟังคำสั่งในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 โดยในคดีนี้ ทางทีมทนายความจะยื่นร้องขอความเป็นธรรมในการสอบพยานเพิ่มเติม เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่ได้มีการสอบพยานเพิ่มเติมในส่วนของผู้ถูกร้องตามที่ได้ขอไปตั้งแต่ต้น
ด้าน ปิยบุตร กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบัน ตนอยากเรียนให้ทราบว่าคดีต่างๆ ที่พรรคอนาคตใหม่โดนฟ้องรวมๆ 20 กว่าเรื่องในขณะนี้ ทุกคนคงวิเคราะห์กันได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ทั้งๆที่เรายังไม่ได้มีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินเลย แต่กลับมีความคิดความเชื่อเต็มไปหมดว่าจะถูกยุบพรรค ตัดสิทธิ จำคุก ฯลฯ ทำให้ตนต้องขอถามกลับไปตรงๆ ว่าทุกคนรู้สึกว่าพรรคอนาคตใหม่ทำผิดกฎหมายจริงๆ หรือ หรือว่าเพียงเพราะมีแนวทางที่ผู้มีอำนาจไม่สบายใจจึงต้องโดนกระทำเช่นนี้ อย่างในกรณีหุ้นสื่อที่นายธนาธรโดนอยู่ในตอนนี้ ท้ายที่สุดแล้วรัฐธรรมนูญมาตรานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อมิต้องการให้ ส.ส.หรือรัฐมนตรีมีอิทธิพลในการครอบงำสื่อ นี่คือเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้น ต้องดูว่ากิจการที่ถือหุ้นนั้นเป็นสื่อหรือไม่ และการถือหุ้นนั้นมีมากน้อยเพียงใดถึงขั้นมีอิทธิพลครอบงำสื่อ แต่ บริษัท วี-ลัค มีเดีย ไม่ได้เป็นสื่อมวลชน เป็นเพียงบริษัทที่รับจ้างผลิตรูปเล่ม ไม่ได้กำหนดเนื้อหา และก็ปิดกิจการเรียบร้อย และนายธนาธรก็ได้โอนหุ้นไปหมดตั้งแต่ 8 มกราคม แต่นายธนาธรกลับถูกเล่นงานตามมาตรานี้ เมื่อเปรียบเทียบกับกรณี ส.ส.คนหนึ่ง ไม่ได้ถือหุ้นสื่อเลย แต่มีคู่สมรสถือหุ้นสื่อ เป็นเจ้าของสื่อโดยตรง มีอิทธิพลครอบงำสื่อ นำสื่อมาใช้เป็นเครื่องมือโจมตีฝ่ายตรงข้าม แต่ ส.ส.คนนี้กลับไม่โดนอะไรเลย ตกลงแล้วรัฐธรรมนูญมาตรานี้ ต้องการจัดการนักการเมืองที่ครอบงำสื่อจริงๆหรือกลายเป็นเครื่องมือที่ใช้กลั่นแกล้งกันแน่
“หรืออย่างคดีของตน หลักฐานที่ พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ใช้ในการร้องทุกข์กล่าวโทษก็อ่อนมาก ถอดเทปมาแบบผิดๆถูกๆ ไม่ตรงกับที่ตนพูด ตนสอนกฎหมายมา วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญมาทั้งชีวิตไม่เคยโดนคดีอะไรเลย แต่พอมาเป็นนักการเมืองกลับโดนคดีทันที” นายปิยบุตร กล่าว
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก WorkpointNews