ที่ดิน 1,706 ไร่ ใน ม.6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี กรมป่าไม้, สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และหน่วยงานอื่นๆ เข้าตรวจสอบที่ดินเขาสนฟาร์ม พบว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่า 46 ไร่ ด้าน นายทวี ไกรคุปต์ งง มีที่700ไร่ ลูกสาวแจ้ง ป.ป.ช. 1,706 ไร่
ความคืบหน้าจากกรณีที่ กรมป่าไม้, สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และหน่วยงานอื่นๆ เข้าตรวจสอบที่ดินเขาสนฟาร์ม หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ซึ่ง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้ครอบครองและเปิดเป็นฟาร์มไก่ โดยพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่า 46 ไร่ ส่วนพื้นที่ที่อยู่ในเขตที่ดิน ส.ป.ก.อีก 691 ไร่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เตรียมจะให้มีการยึดคืนนั้น
วันที่ 26 พ.ย. ทีมข่าวเวิร์คพอยท์ ลงพื้นที่ตรวจสอบการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปหรือพื้นที่ ส.ป.ก. ของ น.ส.ปารีณา โดยพบว่าที่ดินเขาสวนฟาร์มมีการซื้อขายกันเป็นทอดหลายทอด แต่ไม่มีเอกสารสิทธิ์
สำหรับผู้ครอบครองที่ดินพื้นที่เขาสนฟาร์มปัจจุบันรายแรกคือ ครอบครัว “สลัดเอี่ยม” ตั้งแต่สมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม โดยนายไร สลัดเอี่ยม อายุ 74 ปี เล่าว่า ทวดของตนเป็นผู้เหยียบย่ำที่ดินหลายร้อยไร่ในพื้นที่หมู่ 6 แล้วจับจองทำนา ทำไร่ จนมีเอกสารสิทธิ์ใบ ส.ค.1 ในรุ่นพ่อในที่ที่เป็นแปลงนา แปลงไร่ ซึ่งตอนนั้นกำนันถี ตั้งแต่สมัยเป็นกิ่ง อ.จอมบึง เป็นคนรับรองให้ ต่อมาในรุ่นพ่อของตน คือนายใบ สลัดเอี่ยม ได้ขายที่ดินบางส่วนให้กับนายทหารรายหนึ่งซึ่งมาซื้อตั้งแต่ยศนายสิบ 100 กว่าไร่ ซึ่งตอนหลังได้เป็นผู้พัน ซื้อขายกันในช่วง พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี (ช่วงปี 2531-2534) จากนั้นทราบว่ามีการขายต่อให้นายทวี ไกรคุปต์ พ่อของ น.ส.ปารีณา
ด้านชาวบ้านที่เป็นเครือญาติกันให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า พื้นที่ที่มีการขายมีเพียงใบ ภทบ.5 เช่น พื้นที่ที่ปัจจุบันเป็นโรงเก็บขี้ไก่ด้านนอกรั้วเขาสนฟาร์ม จำนวน 22 ไร่
ส่วนที่ดินภายในเขาสนฟาร์มอีก 600 ไร่ เดิมทีมีผู้จัดการธนาคารแห่งหนึ่งมากว้านซื้อที่เชิงเขากับชาวบ้านหลายราย รวมพื้นที่กว่า 500 ไร่ เพื่อปลูกต้นสน ใช้ชื่อว่า สวนอรพินทร์ ต่อมาได้ขายต่อให้นายทวี ไกรคุปต์ โดยการขายที่ดินในขณะนั้นไม่มีเอกสารสิทธิ์ มีแต่ใบเสียภาษีบำรุงท้องที่ ภทบ.5 ซึ่งที่ดินดังกล่าวอยู่เชิงเขาไกลจากพื้นที่ที่เป็นแปลงนาแปลงไร่ของชาวบ้าน (ที่มีใบ ส.ค. 1) ซึ่งการสำรวจออกเอกสารสิทธิ์ในสมัยนั้นไปไม่ถึง อีกทั้งราชการก็ออกใบ ส.ค.1 ให้ครอบครัวละ 25 ไร่เท่านั้น ซึ่งต้องเป็นพื้นที่ทำกิน
หลังจากชาวบ้านนับสิบรายขายที่ดินให้กับสวนอรพินทร์ไป ช่วงประมาณปี 2510 กรมป่าไม้ ได้มาปักป้ายเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี โดยนายทวี ได้มาซื้อที่ดินต่อจากสวนอรพินทร์และชาวบ้านอีกสิบกว่าราย หลังจากนั้น รวมประมาณ 600-700 ไร่
ในขณะที่ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูล มีชาวบ้านนำใบเอกสารการครอบครองที่ดินมาให้ นายภูฒิพัฒน์ จำปาทอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 รวบรวมส่งให้ปฏิรูปที่ดิน จ.ราชบุรี ตรวจสอบ เช่น นายคอน ใจแสง ที่นำเอกสาร ส.ค.1 ที่ออกเมื่อปี 2495 เป็นที่นาใกล้แนวที่ดินเขาสนฟาร์ม นอกจากนี้มีชาวบ้านนำเอกสารมีทั้ง ภทบ.5 ส.ค.1 และโฉนด มาแสดง โดยผู้ใหญ่บ้านระบุว่าปัญหาที่ชาวบ้านกังวลใจคือ การไม่รู้แนวเขตที่ชัดเจนของ ที่ ส.ป.ก. และเขตป่าไม้ เพราะในอดีต ส.ป.ก.ไม่เคยทำรังวัดที่ชัดเจน
ทีมข่าวเวิร์คพอยท์ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์นายทวี ไกรคุปต์ พ่อของ น.ส. ปารีณา เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ซึ่งนายทวี ให้ข้อมูลตรงกับชาวบ้านว่า มีการซื้อที่ดินก่อน ปี 2523 รวมประมาณ 700 ไร่ โดยในขณะนั้นไม่รู้ว่าเป็นที่ดินป่าสงวนหรือ ส.ป.ก. เพราะไม่มีแนวเขต ส่วนที่ น ส.ปารีณา ไปแจ้งบัญชีทรัพย์สินกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ว่าครอบครองที่ดิน 1,706 ไร่นั้นตนยังไม่ทราบเพราะเหตุใด แต่ น.ส.ปารีณาไม่ทราบแนวเขตที่ตนซื้อ เพราะตอนนั้นยังเด็ก ทั้งนี้ตนพร้อมเข้าไปนำชี้แทน น.ส.ปารีณา
ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่กำกับดูแล ส.ป.ก. กล่าวว่า กรณีที่ น.ส.ปารีณา ยื่นหนังสือขอสอบแนวเขตใหม่ทั้งกรมป่าไม้และ ส.ป.ก. ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานจะประชุมเพื่อกำหนดทิศทางเดียวกันในการตรวจสอบแนวเขตอีกครั้ง ส่วนการที่จำนวนที่ดินไม่ตรงกับที่เคยมีการแจ้งต่อ ป.ป.ช. ตนเข้าใจว่าน.ส.ปารีณาเข้าใจเอาเองว่า ที่ทั้งหมด 1,700 ไร่
จากนี้จะมีการตรวจสอบที่ดิน ส.ป.ก.อีกครั้ง และไม่ใช่เฉพาะของ น.ส.ปารีณา แต่จะตรวจสอบการครอบครองทั้ง 72 จังหวัด จะใช้กฎหมายฉบับเดียวกันกับทุกคน ไม่มียกเว้นให้นักการเมือง ส่วนการดำเนินการจากนั้น กรณีที่ดินที่มีผู้ครอบครองก่อนประกาศเป็นที่ ส.ป.ก.ไม่สามารถดำเนินคดีอาญากับผู้ครอบครองอยู่ก่อนได้ ต้องใช้วิธีเจรจาผู้ครอบครองทุกราย ไม่ใช่เฉพาะ น.ส.ปารีณา ให้คืนหลวงเพื่อนำมาจัดสรรใหม่