จากกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เป็นห่วงเรื่องงบปี 64 จึงได้เสนอให้นำเงินจำนวน 40,000 ล้านบาท ไปจ้างเกษตรกรปลูกพืชปรับปรุงดิน และช่วยค่าปรับปรุงการผลิตให้ใช้สารเคมีน้อยลง ด้าน โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้ ขอบคุณฝ่ายค้านที่แสดงความเป็นห่วง ย้ำต้องซื้ออาวุธใหม่แทนการซ่อม
วันที่ 7 ก.ค. 2563 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ชี้แจงชัดเจนถึงเหตุผลความจำเป็นไปแล้ว และตรวจสอบกับสำนักงบประมาณพบว่าทุกอย่างยังคงเป็นไปตามระเบียบหลักเกณฑ์ทุกประการ โดยเป็นงบผูกพันข้ามปีสำหรับการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาในการผลิตและการแบ่งชำระ
ขณะนี้ประเทศมีความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนอาวุธยุทโธปกรณ์ให้มีความเพียงพอ เหมาะสม เพราะที่ผ่านมา ไม่ได้มีการสนับสนุนงบให้มีการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ๆ ทำให้ปัจจุบันมีอาวุธยุทโธปกรณ์เก่าประมาณร้อยละ 80 และเพื่อทดแทนไม่ให้ต้องเสียงบประมาณในการซ่อมบำรุง ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมาภารกิจป้องกันตามชายแดนต้องใช้กำลังพลจำนวนหลายหมื่นคนในการดูแลพื้นที่ ทำให้การแก้ปัญหาชายแดนสามารถยุติได้ระดับหนึ่งจากภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆ
นางนฤมล ระบุว่า ต้องขอขอบคุณฝ่ายค้านที่แสดงความเป็นห่วงถึงการใช้งบประมาณของปี 2564 แต่ขอให้มีความเข้าใจและห่วงใยถึงลูกหลานที่เป็นทหาร จำเป็นจะต้องมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียด้วย
ทั้งนี้ ขอให้มั่นใจได้ว่า นายกรัฐมนตรีจะดูแลการดำเนินการทุกอย่างอย่างดีที่สุด และใช้งบประมาณให้คุ้มค่าเกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนมากที่สุด สำหรับในส่วนของงบประมาณที่นำมาให้ความช่วยเหลือประชาชนและฟื้นฟูประเทศ นั้นอยู่ในงบประมาณ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก Workpoint