บิ๊กตู่ เผย การปรับครม.ไม่มีใครมาเร่งตนได้ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่มีผลต่อการปรับครม. ย้ำว่า "ไม่ว่าใครจะเข้ามา ขอให้เชื่อมั่นในตัวผม เชื่อมั่นในระบบที่ผมวางไว้ อะไรที่ไม่ดี ผมไม่มีทางเอาเข้าครม."
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวตอนหนึ่งระหว่างหารือกับผู้บริหารและคณะบรรณาธิการกลุ่มเนชั่น ถึงแนวโน้มการปรับ ครม. ท่ามกลางกระแสการลาออกจากพรคพลังประชารัฐของกลุ่มสี่กุมาร ว่า การปรับครม.ไม่มีใครมาเร่งตนได้ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่มีผลต่อการปรับครม. ซึ่งจะปรับหรือไม่เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณา หากจะมีการปรับตนเห็นว่าต้องผ่านช่วงนี้ไปก่อน ทั้งเรื่องโควิด เรื่องงบประมาณปี 64 และเงินกู้ 4 แสนล้านบาทที่จะใช้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ส่วนการพิจารณาของตน จะพิจารณาอย่างรอบด้าน คนที่เคยอยู่ด้วยกัน ทำงานเป็นอย่างไรก็จะนำมาคิดด้วย ขณะนี้ยังมีเวลา และต้องไม่ลืมว่านายกฯไม่ได้สังกัดพรรคการเมือง
นายกฯยังยอมรับว่าการจัด ครม.บางส่วนเป็นระบบโควต้าที่คิดจากจำนวน ส.ส.ด้วย ในอัตราส่วน 7-8 ต่อ 1 ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐเอง ตนก็ใช้โควต้าของพรรคอยู่หลายตำแหน่ง (โควต้ากลาง) ฉะนั้นก็อาจจะต้องคืนโควต้ากลับไปให้บ้าง ส่วนปัญหาในพรรคพลังประชารัฐตนไม่ทราบ แต่ก็เข้าใจว่าพรรคนี้มาจากร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ มีอะไรจึงต้องพูดคุยกัน
สำหรับคนนอกที่คาดการณ์กันว่าจะเข้ามาในการปรับครม.ที่จะมีขึ้นนั้น นายกฯกล่าวที่เล่นทีจริงว่า ก็มีเชิญอยู่ แต่ไม่รู้จะมาหรือเปล่า และย้ำว่า "ไม่ว่าใครจะเข้ามา ขอให้เชื่อมั่นในตัวผม เชื่อมั่นในระบบที่ผมวางไว้ อะไรที่ไม่ดี ผมไม่มีทางเอาเข้าครม."
กรณีที่มีกระแสสังคมไม่ตอบรับนักการเมืองบางคนที่มีชื่อเข้ามาเป็นรัฐมนตรีใน ครม.หรือย้ายกระทรวงนั้น นายกฯบอกว่าต้องไม่ลืมว่าคนที่ถูกพูดถึงเข้ามาตามกลไกทางการเมืองสิ่งที่วิจารณ์กันต้องถามว่าเขาผิดหรือยังเขาถูกตัดสินว่าผิดแล้วหรือเปล่า
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก คมชัดลึก