จากกรณีที่บิดาของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ถึงแก่กรรม โดยก่อนหน้านี้เสียงประชาชนหลายเสียงต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เหตุใดจึงไม่ยอมให้ นายณัฐวุฒิ มาเคารพศพบิดาเป็นครั้งสุดท้าย แต่ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา นายณัฐวุฒิ ได้รับอนุญาตให้ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปร่วมพิธีฌาปณกิจศพบิดา
โดย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ชี้แจงเมื่อวันที่ 20 ก.ค. ว่าเป็นไปตามระเบียบ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ที่อนุญาตให้ผู้ต้องขังทำได้ ไม่ใช่เรื่อง 2 มาตรฐาน ผู้ต้องขังที่อยู่ในหลักเกณฑ์มีสิทธิขออนุญาตได้แต่ขึ้นอยู่กับขั้นตอนพิจารณา
อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่ามีกรณีการวิจารณ์โดยเทียบกับกรณีของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ถูกจำคุกก่อนหน้านี้
วันที่ 21 ก.ค. 2563 นายสมศักดิ์ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า หลังเกิดคดีของนายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่อง ที่ออกมาจากเรือนจำแล้วก่อเหตุซ้ำอีก มีการออกกฎกระทรวงเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2563 เพื่อจัดชั้นนักโทษใหม่ ถือให้นักโทษเดรัจฉานไปอยู่ชั้นเลวซึ่งต่ำสุด และถือว่านักโทษที่อยู่ชั้นกลางไม่ใช่ชั้นต่ำที่สุด กรณีนายณัฐวุฒิที่เป็นนักโทษเข้าไปใหม่ เและอยู่ชั้นกลางก็มีสิทธิ์ที่จะรับสิทธิพิเศษต่างๆ
ส่วนกรณีภรรยาของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรฯที่เสียชีวิตในวันที่ 3 ต.ค.2559 ระเบียบในขณะนั้นก็ยังเป็นของเก่า ยืนยันไม่ได้ 2 มาตรฐาน ทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะขออนุญาตได้ ถ้าหากว่าเป็นนักโทษชั้นกลาง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าหลักเกณฑ์ในการลากิจของนักโทษเด็ดขาด (เฉพาะการลาไปประกอบพิธีเกี่ยวกับงานศพ) มีรายละเอียดที่น่าสนใจ เช่น
- เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นกลางขึ้นไป
- มีความประพฤติเรียบร้อย หากทำผิดวินัยต้องผ่านไปแล้ว 5 ปี
- ให้เฉพาะลาไปร่วมพิธีฌาปณกิจศพ เฉพาะผู้ตายที่เป็น บิดา มารดา สามี ภรรยา และบุตรของนักโทษเด็ดขาด
- การอนุญาตให้คำนึงถึงความปลอดภัยของนักโทษเด็ดขาดและเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุม โดยพิจารณาเรื่องสถานที่ ระยะทาง การเดินทาง ว่าอยู่ในจุดอันตรายหรือเสี่ยงต่อการควบคุมหรือไม่ ประกอบด้วย