วันเสาร์ที่ 20 เมษายน 2567
ทิม ชี้ รธน. ต้องเป็นของ ปชช. ลั่น 40 ปี ผ่านไป รุ่นพ่อสู่รุ่นลูก ประเทศไทยยังไม่ไปไหน
SHARE

ทิม ชี้ รธน. ต้องเป็นของ ปชช. ลั่น 40 ปี ผ่านไป รุ่นพ่อสู่รุ่นลูก ประเทศไทยยังไม่ไปไหน

โพสต์โดย Nabi เมื่อ 24 กันยายน 2563 - 16:38

ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้กล่าวในที่ประชุมสภาว่า อำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญต้องเป็นของประชาชน 40 ปี ผ่านไปจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก ประเทศไทยยังไม่ไปไหน วนเวียนอยู่กับที่ เหมือนม้าหมุน แค่เปลี่ยนจาก “ประชาธิปไตยครึ่งเดียว” ในรุ่นพ่อ กลายเป็น “ประชาธิปไตยสลึงเดียว” ในรุ่นลูก

ทิม ชี้ รธน. ต้องเป็นของ ปชช. ลั่น 40 ปี ผ่านไป รุ่นพ่อสู่รุ่นลูก ประเทศไทยยังไม่ไปไหน

การประชุมกันที่รัฐสภาแห่งนี้ เป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิการเมืองที่ร้อนระอุจากความไม่ชอบธรรมและความล้มเหลวของ “ระบอบประยุทธ์” หรือจะเป็นวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงชีวิตของพวกเรา หรือจะเป็นกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลง (Disruption) อย่างเร็วและแรงในทุกมิติ

หากก้าวไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต ไม่มีเวลาไหนมากไปกว่าตอนนี้อีกแล้วในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่เราต้องการระบบการเมืองที่มีประสิทธิภาพ ความเสมอภาค ความยุติธรรม และยึดโยงกับประชาชน สะท้อนหลักการอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน

ซึ่งนั่นทำให้การอภิปรายญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ในวันนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนี่เป็นการอภิปรายที่ประชาชนจับตามองมากที่สุดครั้งหนึ่ง การพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งนี้ย่อมส่งผลต่ออนาคตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน เพราะถ้าการเมืองยังเหมือนเดิม จะเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ที่ขวางอนาคตของประเทศเอาไว้ไม่ให้เปลี่ยนแปลง ไม่ให้พัฒนา สาระสำคัญของการอภิปรายในวันนี้ ก็คือว่า รัฐธรรมนูญ ปี 2560 ที่มีความจำเป็นต้องแก้ไขนั้น ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นเครื่องมือกลไกการสืบทอดอำนาจของคสช.เท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกที่ยื้อรั้ง ฉุดกระชากลากถูประเทศไทยกลับไปสู่อดีต

ทิม ชี้ รธน. ต้องเป็นของ ปชช. ลั่น 40 ปี ผ่านไป รุ่นพ่อสู่รุ่นลูก ประเทศไทยยังไม่ไปไหน
ทิม ชี้ รธน. ต้องเป็นของ ปชช. ลั่น 40 ปี ผ่านไป รุ่นพ่อสู่รุ่นลูก ประเทศไทยยังไม่ไปไหน

รัฐธรรมนูญฉบับสุดท้ายที่ให้อำนาจสว. ที่มาจากการแต่งตั้ง เลือกนายกได้ คือ รัฐธรรมนูญปีไหน?

คำตอบก็คือ รัฐธรรมนูญฉบับสุดท้ายที่ให้อำนาจสว. ที่มาจากการแต่งตั้ง เลือกนายกได้ คือรัฐธรรมนูญปี 2521 ผ่านมาแล้วกว่า 40 ปี ตัวผมเองปีนี้อายุ 40 เกิดปี 2523 ผมเกิดในยุคที่เราเรียกกันว่า “ยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ” ภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2521 อันเป็นผลพวงมาจากเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ที่มีการใช้กำลังปราบนักศึกษา นำมาสู่การยึดอำนาจของทหาร หลัง 6 ตุลา มีการประกาศ “แผนพัฒนาประชาธิปไตย” 12 ปี โดย 4 ปีแรกให้สภาปฏิรูปที่มาจากการแต่งตั้งเป็นผู้ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน แต่สุดท้ายก็เกิดรัฐประหารซ้ำ และประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่ใน ปี 2521

รัฐธรรมนูญ 2521 ให้อำนาจสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งเลือกนายรัฐมนตรีได้ในช่วง 4 ปีแรก โดยมีพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ แกนนำคณะรัฐประหาร เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ รัฐธรรมนูญ 2521 ไม่ได้กำหนดให้นายกรัฐมนตรีต้องเป็นส.ส. เท่ากับเปิดทางให้มีนายกคนนอกที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งได้ พอถึงปีที่ผมเกิด ส.ว. ที่ถูกแต่งตั้งมาก็หันไปสนับสนุนพล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกแทน หลังจากนั้นไม่ว่าผมจะอยู่ ป.1 ป.2 ป.3 ป.4 หรือ ป.5 ประเทศไทยก็ยังมีนายกชื่อ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์

ผ่านมา 40 ปี ลูกสาวผมเกิดมาในช่วงหลังรัฐประหาร 2557 มีหัวหน้าคณะรัฐประหารชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันท์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรี ตอนนี้ลูกสาวผมอายุ 4 ขวบแล้ว เรายังมีแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติ 20 ปีในรัฐธรรมนูญจากคณะรัฐประหารอยู่อีก เรายังให้ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้ง เลือกนายกรัฐมนตรี เรายังมีรัฐธรรมนูญที่เปิดช่องให้นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องมาจากการเลือกตั้ง ปี 2562 ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้ง ก็เลือกพล.อ ประยุทธ จันท์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้นไม่ว่าลูกสาวผมจะอายุ 2 ขวบ 3 ขวบ 4 ขวบ หรือ 5 ขวบ ก็ยังมีนายกชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันท์โอชา

นี่คือความเหมือนที่ไม่บังเอิญของรัฐธรรมนูญปี 2521 กับ 2560 ผ่านไป 40 ปี ก็ยังใช้วิธีเดิมๆ เพิ่มเติมขึ้นมาก็คือนวัตกรรมทางการเมืองเพื่อการผูกขาดอำนาจแบบใหม่ โดยใช้องค์กรอิสระที่ไม่อิสระจริง ทำลายศัตรูทางการเมือง จนวันนี้องค์กรที่ตั้งมาเพื่อหวังให้เป็นกลไกตรวจสอบการใช้อำนาจอย่างฉ้อฉล กลับใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลเสียเอง

40ปี ผ่านไปจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก ประเทศไทยยังไม่ไปไหน วนเวียนอยู่กับที่ เหมือนม้าหมุน แค่เปลี่ยนจาก “ประชาธิปไตยครึ่งเดียว” ในรุ่นพ่อ กลายเป็น “ประชาธิปไตยสลึงเดียว” ในรุ่นลูก การทวนเข็มนาฬิกาการเมืองไทยแบบนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะนายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 เมื่อ 40 ปีก่อน ท่านก็ทำหน้าที่เป็นเลขานุการคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ 2521 สิ่งที่น่าเศร้าใจสำหรับสังคมไทย จึงกลายเป็นว่า สิ่งที่เราพูดคุย ถกเถียงกันในวันนี้ มันไม่ก้าวหน้าไปไหนเลยจาก 30 40 ปีที่แล้ว

รัฐธรรมนูญ 2560 ในแง่หนึ่งจึงไม่ใช่แค่การสืบทอดอำนาจของ คสช. แต่มันคือความพยายามที่จะพาสังคมไทยกลับไปสู่อดีต เพื่อกดทับให้ “อำนาจที่มาจากประชาชน” อยู่ใต้ “อำนาจชั้นฟ้า” ที่ไม่ยึดโยงกับประชาชนตลอดไป ทั้งๆ ที่เราต้องเสียเลือดเสียเนื้อกันไปไม่รู้เท่าไร นั่นเท่ากับว่า ผู้มีอำนาจในประเทศไทยไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยจากชีวิตของประชาชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในหลายสิบปีที่ผ่านมา

อำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญต้องเป็นของประชาชน

- การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะถอนฟืนออกจากกองไฟนั้น ต้องโอบอุ้มความฝันของคนทุกกลุ่มทุกประเภท ด้วยเหตุนี้ผู้ร่างรัฐธรรมนูญจึงต้องเป็นตัวแทนกลุ่มทางสังคมหรือตัวแทนทางอุดมการณ์ที่หลากหลาย มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ไม่ใช่ให้ สสร. เป็นกลไกในการสืบทอดอำนาจของการสืบทอดอำนาจอีกทีนึง อย่างที่ปรากฏในร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเปิดให้มี สสร. จากการแต่งตั้งอีก ไม่ว่าจะมาจากรัฐสภาภายใต้ระบอบประยุทธ์ 20 คน จากการเลือกโดยที่ประชุมอธิการบดีภายใต้ระบอบประยุทธ์ 20 คน และมาจากนักเรียนนักศึกษาที่ กกต. ภายใต้ระบอบประยุทธ์คัดสรรมาให้อีก 10 คน เช่นนี้จะทำให้ สสร. ที่ควรจะยึดโยงกับประชาชน กลายเป็นยึดโยงกับระบอบประยุทธ์ ปล้นเจตนารมณ์ของการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไปโดยสิ้นเชิง

- การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะถอนฟืนออกจากกองไฟนั้น สำคัญคือการออกแบบรัฐธรรมนูญต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัย ไม่มีข้อจำกัด ไม่จำกัดความฝันของประชาชนกลุ่มใด ดังนั้นการห้ามแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ จะไม่ช่วยให้ข้อเรียกร้องของประชาชนที่ต้องการ “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” อย่างแท้จริง ได้ถูกพูดถึงด้วยเหตุและผลอย่างมีวุฒิภาวะ เพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์ อยู่คู่กับระบอบประชาธิปไตยได้อย่างมั่งคง สถาพร

มีคนบางกลุ่มพยายามปลุกปั่นทำให้การเรียกร้องของนักเรียนนักศึกษาและประชาชนกลายเป็น “ปีศาจ” ของสังคมไทย ทั้งที่จริงแล้วความฝันของพวกเขาเป็นสิ่งที่ธรรมดาสามัญมาก พวกเขาไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าระบอบการเมืองที่ “คนเท่ากัน” ทุกคนเสมอภาคกันต่อหน้ากฎหมาย เป็นนิติรัฐ ใครก็ตามที่ใช้อำนาจสาธารณะย่อมต้องถูกตรวจสอบได้ ใครทำผิดต้องรับผิด พวกเขาฝันถึงสังคมที่จะไม่มีการรัฐประหารอีก อยากเห็นข้าราชการ ตุลาการ และสถาบันพระมหากษัตริย์ร่วมมือกับประชาชนไม่รับรองการรัฐประหารอีก สถาบันที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชาติต้องปลอดพ้นจากการเมือง จะสวยงามเพียงใด หากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของพวกเรา เริ่มต้นด้วยมาตรา 1 อย่างเรียบง่ายว่า “อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน”

- การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะถอนฟืนออกจากกองไฟนั้น ต้องคำนึงถึงเงื่อนไขเวลา มีความจริงใจ ไม่ใช่การยื้อเวลา การประวิงเวลาให้ “ระบอบประยุทธ์” อยู่ในอำนาจต่อไป และลำพังเพียงการแก้ไขมาตรา 256 เพื่อตั้ง สสร. คงจะไม่พอที่จะลดอุณหภูมิการเมืองได้ ดังนั้นสำหรับสถานการณ์เฉพาะหน้าที่เร่งด่วนที่สุด เราต้องพิจารณาใจกลางของปัญหาความขัดแย้งของการเมืองไทย นั่นก็คือ ส.ว.แต่งตั้ง 250 คน ที่มีอำนาจในการเลือกนายกฯ ระบบเลือกตั้งที่ไม่สะท้อนเจตจำนงค์ของประชาชน ทำให้เกิดรัฐบาลอ่อนแอไร้ประสิทธิภาพ องค์กรอิสระที่ถูกครอบงำโดยผู้มีอำนาจปัจจุบัน

การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะถอนฟืนออกจากกองไฟนั้น ต้องถูกกำหนดโดยประชาชนด้วยการเห็นชอบผ่านประชามติ ไม่ใช่การเห็นชอบโดยรัฐสภาภายใต้ “ระบอบประยุทธ์” ตามญัตติของพรรคร่วมรัฐบาล

นอกจากนี้การบัญญัติให้พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชอำนาจยับยั้งร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติของประชาชนได้ ก็เป็นประเด็นที่สุ่มเสี่ยงอย่างยิ่ง เพราะการเอาพระราชอำนาจมาปะทะกับอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญของประชาชน อาจกระเทือนต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

หยุดกอดอดีต ปล่อยอนาคตให้ลูกหลาน

ประเทศไทยเราเสียเวลากับอดีตมามากเกินไปแล้ว อนาคตของประชาชน คนรุ่นใหม่ ถูก ชนชั้นนำ คนรุ่นเก่า เพียงไม่กี่กลุ่มปล้นไปต่อหน้าต่อตา นั้นคือสาเหตุที่พวกเขาต้องออกมาทวงคืนอนาคตของเขาคืน ตอนนี้ประชาชนหมดศรัทธากับรัฐสภา นี่เป็นโอกาสที่เราจะสร้างศรัทธาให้ประชาชนกลับมาเชื่อมั่นตัวพวกเราอีกครั้ง เราต้องเป็นความหวังให้ประเทศไทย เราต้องหาทางออกให้กับความขัดแย้งความรุนแรง และสร้างอนาคตให้กับพี่น้องประชาชนให้ได้

การแก้รัฐธรรมนูญคือทางออกก็จริง แต่ต้องไม่ใช่การแก้รัฐธรรมนูญแบบขอไปที แก้เพื่อให้ผู้มีอำนาจอยู่รอดเท่านั้น

หากเราเลือกที่จะแก้แบบที่รัฐบาลเสนอ สังคมไทยที่แบ่งขั้วขัดแย้งรุนแรงมาเป็นเวลากว่าทศวรรษ ความขัดแย้งจะยังทอดยาวออกไป การปะทะทางความคิดอย่างรุนแรงจากกลุ่มคนที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลง และกลุ่มคนที่ไม่พร้อมและไม่อยากจะเปลี่ยนแปลง จะถึงทางตัน ไร้ทางออก ดังนั้นหากเราไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ อนาคตอาจจบด้วยการปะทะกันอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากเห็นอีกแล้วในสังคมไทย อย่างน้อยก็ไม่ใช่พวกผม เราหลีกเลี่ยงมันได้ครับ

สุดท้ายนี้ ผมจึงขออ้อนวอนสมาชิกรัฐสภาทุกท่านโดนเฉพาะฝ่ายรัฐบาล และ สมาชิกวุฒิสภา ขอท่านอย่าได้ทำตามคำสั่งของ “ระบอบประยุทธ์” ถึงเวลาแล้วที่ท่านต้องอยู่ฝั่งเดียวกับประชาชน เพื่อนร่วมชาติของท่าน ลูกหลานของท่าน หยุดกอดอดีตเอาไว้เถิดครับ แล้วปล่อยประเทศไทยไปสู่อนาคตเสียที


แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook

บริการของเรา

Advertising

พื้นที่โฆษณาประชาสัมพันธ์ สินค้าและบริการ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Web Design

ออกแบบเว็บไซต์ ครบจบในที่เดียว ทั้ง FrontEnd และ BackEnd ด้วยทีมงานมืออาชีพ ประสบการณ์กว่า 15 ปี

Web Application

ไม่ว่าจะธุรกิจใดให้ระบบช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน จากรูปแบบเดิมๆ ให้อยู่ในรูปแบบ Online

VDO Creator

บริการออกแบบ และ จัดทำ Presentation ShowCase Review สินค้า TVC หรือ Viral Clip

เราใช้คุ้กกี้เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy)
About Us | Advertising
Join With Us | Contact
Privacy Policy | Terms of Service
Corrections Policy | DMCA Copyrights Disclaimer
Ethics Policy | Fact-Checking Policy
Editorial team information | Ownership and Funding Info
ติดต่อลงโฆษณา: 0880-900-800, อีเมล์: ads@jarm.com
แนะนำติชม/ฝากข่าวประชาสัมพันธ์: info@jarm.com