หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานภาพความเป็น ส.ส. ของนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ ต้องสิ้นสุดลงหรือไม่ หลังกรรมาธิการ ป.ป.ช.ตรวจสอบตามคำร้องของประชาชน พบว่า นายสิระเคยต้องโทษจำคุก ในคดีฉ้อโกงประชาชน เมื่อปี 2538
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึง การส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพ ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของนายสิระ เจนจาคะ สิ้นสุดลงหรือไม่และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้อง หยุดปฎิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย จากกรณีเรื่องคุณสมบัติของผู้สมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)ของผู้ถูกร้องว่า เมื่อมีผู้ร้องเรียนเข้ามา ตนให้ฐานะประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤษมิชอบก็ทำการสอบสวนและตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งพบว่ามีคำพิพากษาใน 4 คดี นอกจากนี้มีคำพิพากษาอื่นอีกแต่มีการยกฟ้อง และสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งคดีทั้งหมดเกิน10 ปี โดยในรัฐธรรมนูญ ระบุว่าคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.หากเคยได้รับโทษจำคุกต้องเกิน 10 ปีขึ้นไป ถือว่าสามารถสมัครเป็นส.ส.ได้ และถ้าหากเคยต้องคำพิพากษาเกี่ยวกับทรัพย์ จะสามารถสมัครส.ส.ไม่ได้ ซึ่งในส่วนของนายสิระนั้น มีคำพิพากษาหนึ่งที่เกี่ยวกับทรัพย์
ดังนั้น พรรคเสรีรวมไทยจะยื่นต่อประธานสภาให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ นายสิระหยุดปฏิบัติหน้าที่ และถอดถอนออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งส่งเรื่องไปยังศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย และถ้าหากมีความผิดก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายจากการเลือกตั้ง และคืนเงินเดือนที่ได้รับจากการเป็น ส.ส.ทั้งหมด
ด้านนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยื่นตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.ในคดีฉ้อโกงเมื่อ 25 ปีที่แล้วว่า โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ขอให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ และผู้ร่วมแถลงข่าวทุกคน รอรับหมายศาลฐานหมิ่นประมาท”
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก คมชัดลึก