สืบเนื่องจาก "ธนาธร" อัดรัฐบาลปมวัคซีนโควิด-19 หวังสร้างคะแนนนิยมมากกว่าผลประโยชน์ประชาชน เชื่อ ไทยทำให้เร็วกว่านี้ได้ ถาม นายกฯ จะสามารถรับผิดชอบได้หรือไม่ หากวัคซีนผลิตได้ช้ากว่ากำหนด ถ้าการผลิตวัคซีนมีปัญหาในการแจกจ่ายกับประชาชนอย่างไม่เป็นธรรม และประชาชนเกิดอาการแพ้วัคซีน หรือวัคซีนมีประสิทธิภาพไม่ได้ตามเป้าหมาย จะรับผิดชอบไหวหรือไม่ เพราะประชาชนย่อมจะตั้งคำถามกับ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ซึ่งมีผู้ถือหุ้น คือ ในหลวงรัชกาลที่ 10 ชี้ การฝากความหวังไว้ที่เจ้าใดเจ้าหนึ่งเป็นการเฉพาะ ภายใต้สถานการณ์ที่วิกฤติขณะนี้ ไม่ใช่การตัดสินใจของผู้บริหารที่ดี เรายังมีตัวเลือกอื่นๆ ที่สามารถเจรจาได้
- ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ธนาธร อัดรัฐ หวังสร้างคะแนนนิยม จากวัคซีน หาก ปชช. แพ้วัคซีน รับผิดชอบไหวหรือไม่
ล่าสุดวันนี้ 20 ม.ค. 64 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า เคลื่อนไหวทางเพจเฟซบุ๊กว่า ต่อให้ดิสเครดิตหรือเอาคดีความมาก่อกวนมากแค่ไหน ก็ยิ่งทำให้ข้อสงสัยที่ผมตั้งไว้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น ทำไมรัฐต้องรับหน้าแทนบริษัทเอกชนมากขนาดนี้ ยอมรับแล้วหรือไม่ว่าเราให้สิทธิพิเศษแก่บริษัทเอกชนนี้จริงๆ? ถ้าอยากจบเรื่องนี้ก็ต้องชี้แจงด้วยเอกสาร-หลักฐานให้กระจ่าง โดยผมขอให้เปิดเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เช่น
- 1.สัญญาจ้างผลิตระหว่าง AstraZeneca กับ Siam Bioscince ว่า ตกลงแล้วจะรับผลิตกี่โดส ราคาต้นทุนการผลิตของบริษัทเท่าไหร่ ราคาขายให้ AstraZeneca เท่าไหร่ มีรายละเอียดในสัญญาอย่างไรบ้าง
- 2.สัญญารับงบประมาณระหว่างสถาบันวัคซีนแห่งชาติกับ Siam Bioscience ว่า มีรายละเอียดเงื่อนไขอย่างไร มีมูลค่าเท่าไหร่กันแน่ และเอาไปใช้ทำอะไร ตรงตามที่เคยแถลงไว้หรือไม่
- 3.บันทึกการประชุมของคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติและเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการวางเงื่อนไข คุณสมบัติ และรายละเอียดของเอกชนที่จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐในการผลิตวัคซีน เพื่อให้ประชาชนแน่ใจว่าการเลือกสนับสนุน Siam Bioscience เป็นไปอย่างโปร่งใส ถูกต้องตามหลักการ ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน
ยิ่งเปิดเผยมากยิ่งโปร่งใส ขอยืนยันอีกครั้งว่าผมเห็นด้วยทุกประการที่รัฐหรือเอกชนไทยจะได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อผลิตวัคซีน แต่ผมตั้งคำถามถึงกระบวนการคัดเลือกเอกชน การใช้ประเด็นเรื่องวัคซีนมาสร้างความนิยมทางการเมือง และวิธีการบริหารจัดการที่ไม่มีการกระจายความเสี่ยง ทำให้ประชาชนได้รับวัคซีนช้าและครอบคลุมประชากรน้อยกว่าประเทศอื่น ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า หากยึดตามไทม์ไลน์ของรัฐบาล กว่าเราจะกลับทำมาหากินได้ตามปกติไม่ต้องเปิดๆ ปิดๆ แบบนี้ ก็อย่างน้อยปี 2565 ซึ่งประชาชนรอไม่ไหว!
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ