วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2567
เพื่อไทย สวน สุพัฒนพงษ์ ไม่รู้ภาพใหญ่ไทยเสียตรงไหน ควรออกไปได้แล้ว
SHARE

เพื่อไทย สวน สุพัฒนพงษ์ ไม่รู้ภาพใหญ่ไทยเสียตรงไหน ควรออกไปได้แล้ว

โพสต์โดย 10vely เมื่อ 14 มีนาคม 2564 - 11:53

“เพื่อไทย” สวน “สุพัฒนพงษ์” ถ้าไม่รู้ ภาพใหญ่ของไทยเสียตรงไหน ควรออกไปได้แล้ว เย้ย ไทยติดลบ 6.1 % แต่บอกเป็นความสำเร็จ หากจะสร้างความมั่นใจของประเทศไทยให้กลับมาได้ ประเทศไทยจะต้องเปลี่ยนผู้นำที่ต้องไม่ใช่พลเอกประยุทธ์อีกต่อไป

เพื่อไทย สวน สุพัฒนพงษ์ ไม่รู้ภาพใหญ่ไทยเสียตรงไหน ควรออกไปได้แล้ว

 

นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ สส. หนองคาย อดีตรองเลขาสภาอุตสาหกรรม และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว. พลังงาน ให้สัมภาษณ์ว่า ภาพใหญ่ของประเทศไทยดีแล้วไม่มีอะไรเสีย เศรษฐกิจปี 2563 ที่ติดลบถึง 6.1% ต่ำสุดในรอบ 22 ปี คือความสำเร็จ และปีนี้จะขยายตัว 4% นั้น น่าจะเป็นความเพ้อฝันและแก้ตัวแบบข้างๆคูๆ และถ้านายสุพัฒนพงษ์คิดได้แค่นี้ ก็จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาของประเทศที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้ หรือเพียงพูดเพื่อต้องการขายฝันเพื่อเกาะเก้าอี้รักษาตำแหน่งไว้ หลังคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยเสนอให้เปลี่ยนทีมเศรษฐกิจทั้งหมดเพราะผลงานทางเศรษฐกิจล้มเหลวหนักยิ่งกว่าสมัยนายสมคิดที่ว่าล้มเหลวมากแล้ว

ดังนั้น คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยจึงอยากอธิบายให้ประชาชนได้เห็นปัญหาภาพใหญ่ของประเทศไทยคือ เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำที่สุดตลอด 6 ปี ตั้งแต่มีการปฏิวัติ การลงทุนจากต่างประเทศและในประเทศหดหายไปเพราะขาดความเชื่อมั่น การส่งออกแทบไม่ขยายตัวเลย อีกทั้งสินค้าส่งออกของไทยเริ่มจะล้าสมัยเนื่องมาจากการขาดการลงทุนใหม่ๆมานาน รายได้ของประชาชนลดลง สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ ทำให้การใช้จ่ายของประชาชนหายไป การท่องเที่ยวหดหาย การใช้จ่ายของรัฐบาลเป็นไปอย่างสะเปะสะปะ มีการใช้งบประมาณจำนวนมากด้านการทหารและความมั่นคงซึ่งไม่เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ รัฐบาลคิดแต่แค่แจกเงินเพื่อประคองความนิยมและรักษาอำนาจ แต่ไม่ได้พัฒนาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่แทบไม่มีเลย

เพื่อไทย สวน สุพัฒนพงษ์ ไม่รู้ภาพใหญ่ไทยเสียตรงไหน ควรออกไปได้แล้ว

 

อีกทั้ง รัฐบาลยังกดขี่และกลั่นแกล้งผู้เห็นต่าง รัฐบาลไม่สร้างบรรยากาศส่งเสริมให้มีธุรกิจใหม่ๆโดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ทางเทคโนโลยีหรือที่เรียกว่า ยูนิคอร์น รัฐบาลไม่มีทิศทางว่าประเทศไทยจะเดินต่อไปอย่างไร ไทยจะอยู่ที่ไหนในแผนที่โลกทางด้านเศรษฐกิจ ภาพพจน์ไทยไม่ต่างจากประเทศพม่า ผู้นำขาดความรู้ความเข้าใจทางเศรษฐกิจและไม่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของโลกสมัยใหม่ ขนาดยังเอาแอลกอฮอล์มาไล่ฉีดนักข่าวให้เป็นข่าวฉาวไปทั่วโลก เป็นต้น ซึ่งตรงข้ามกับที่นายสุพัฒนพงษ์พูดมาอย่างสิ้นเชิง และหากนายสุพัฒนพงษ์ยังคิดถึงปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ ก็ไม่สมควรจะบริหารประเทศต่อไปแล้ว

นอกจากนี้การที่นายสุพัฒนพงษ์คิดว่าเศรษฐกิจไทยติดลบหนักถึง -6.1% ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 22 ปี เป็นความสำเร็จเพราะติดลบน้อย เป็นความคิดที่แปลกประหลาดอย่างมาก เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำมาตลอด 6 ปี และมาติดลบหนักอีก จะบอกว่าเป็นผลงานได้อย่างไร คิดได้แค่แบบนี้เศรษฐกิจไทยคงไปไม่รอด จะตกตึก 10 ชั้น หรือ จะตกตึก 6 ชั้น ก็ตายเหมือนกัน คำถามอยู่ที่ว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นขึ้นมาและเดินต่อไปได้อย่างไร

นายสุพัฒนพงษ์พยายามขายฝันว่าปีนี้จะขยายตัวได้ 4% ซึ่งก็ยังไม่เท่าที่ตกลงมาที่ -6.1% เลย และการขยายตัว 4% นี้จะเป็นไปได้ยาก หรือ แทบเป็นไปไม่ได้เลย เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกจะเป็นตัวชี้วัดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเป็นอย่างไร ซึ่งเชื่อว่าจะออกมาไม่ดีนัก อีกทั้งการคาดหวังนักลงทุนต่างประเทศที่จะมาลงทุนในไทยปีนี้ ยิ่งเป็นไปได้ยากมาก ขนาดก่อนหน้านี้ในสมัย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่มีบารมีมากกว่านายสุพัฒนพงษ์มาก และ เศรษฐกิจโลกยังดีและโลกยังไม่เจอวิกฤตไวรัสโควิด ก็ยังไม่มีใครมาลงทุนในไทยเลย แล้วนายสุพัฒนพงษ์จะมีปัญญาพาใครมาลงทุนได้ การอ้างว่าความสะดวกในการทำธุรกิจดีขึ้นที่อันดับ 21 ก็ยังแย่กว่าสมัยรัฐบาลก่อนการปฏิวัติที่อยู่ที่อันดับ 18 และหลังจากการปฏิวัติทำความสะดวกในการทำธุรกิจของไทยหล่นหนักไปอยู่อันดับ 46 ในปี 2558 และหล่นลงอีกในปี 2559 ที่ลงไปอยู่ที่อันดับ 49 ก่อนจะค่อยๆฟื้นขึ้นมาได้ แต่ก็ยังไม่ถึงที่เดิม

เพื่อไทย สวน สุพัฒนพงษ์ ไม่รู้ภาพใหญ่ไทยเสียตรงไหน ควรออกไปได้แล้ว

 

ทั้งนี้อยากให้นายสุพัฒนพงษ์ ในฐานะ รมว. พลังงาน ได้เข้าไปตรวจสอบการใช้เงินของกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานที่มีการใช้เงินสะเปะสะปะ ให้กับกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กอ. รมน. และ ศอ. บต และยังจัดซื้อในราคาแพงมหาโหด แต่อุปกรณ์กลับใช้การไม่ได้ อีกทั้งยังมีการล่องหนด้วย นอกจากนี้ นายสุพัฒนพงษ์ควรจะต้องชี้แจงให้ชัดเจนเรื่องการทำโซลาร์เซลล์ 30,000 เมกกะวัตต์ของกองทัพบกด้วย เพราะปัจจุบันมีการผลิตไฟฟ้าล้นเกินอย่างมาก และการลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเพื่อช่วยลดภาระของประชาชนที่กำลังลำบากกันอย่างมาก

กล่าวโดยสรุป จะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจไทยที่ย่ำแย่มาตลอดแล้วยังมาเจอวิกฤตไวรัสโควิดซ้ำเติม แสดงให้เห็นว่าปัญหาของประเทศไทยที่แท้จริง อยู่ที่ความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศ ที่ได้รับข่าวสารทางด้านลบในการบริหารและในการกระทำของพลเอกประยุทธ์มาโดยตลอดตั้งแต่หลังการปฏิวัติจนถึงปัจจุบัน หากจะสร้างความมั่นใจของประเทศไทยให้กลับมาได้ ประเทศไทยจะต้องเปลี่ยนผู้นำที่ต้องไม่ใช่พลเอกประยุทธ์อีกต่อไป และจะต้องแก้ไขไม่ให้มีรัฐธรรมนูญที่สืบทอดอำนาจ ความมั่นใจจึงจะกลับมาได้ และเศรษฐกิจไทยถึงจะฟื้นและเดินหน้าต่อไปได้

เพื่อไทย สวน สุพัฒนพงษ์ ไม่รู้ภาพใหญ่ไทยเสียตรงไหน ควรออกไปได้แล้ว

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook

บริการของเรา

Advertising

พื้นที่โฆษณาประชาสัมพันธ์ สินค้าและบริการ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Web Design

ออกแบบเว็บไซต์ ครบจบในที่เดียว ทั้ง FrontEnd และ BackEnd ด้วยทีมงานมืออาชีพ ประสบการณ์กว่า 15 ปี

Web Application

ไม่ว่าจะธุรกิจใดให้ระบบช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน จากรูปแบบเดิมๆ ให้อยู่ในรูปแบบ Online

VDO Creator

บริการออกแบบ และ จัดทำ Presentation ShowCase Review สินค้า TVC หรือ Viral Clip

เราใช้คุ้กกี้เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy)
About Us | Advertising
Join With Us | Contact
Privacy Policy | Terms of Service
Corrections Policy | DMCA Copyrights Disclaimer
Ethics Policy | Fact-Checking Policy
Editorial team information | Ownership and Funding Info
ติดต่อลงโฆษณา: 0880-900-800, อีเมล์: ads@jarm.com
แนะนำติชม/ฝากข่าวประชาสัมพันธ์: info@jarm.com