เพจเฟสบุ๊กคณะก้าวหน้า ได้โพสต์ข้อความหัวข้อของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า แนะ 4 เปลี่ยน สู้วิกฤตโควิด -19 ระลอกใหม่ โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
1. เปลี่ยนการจัดหาวัคซีน
- วันนี้ นับเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลเปลี่ยนวิธีการจัดหาวัคซีน ไม่กระจุกตัวอยู่แค่เพียงไม่กี่เจ้าอย่างที่เป็นมา การเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนเจ้าอื่นๆ นั้น เป็นเรื่องที่เห็นด้วย แต่โอกาสเป็นไปได้เร็วที่สุดนั้นคือการเข้ามาของวัคซีนต่างๆ ในช่วงไตรมาส 4 ดังนั้น ขอเป็นกำลังใจให้ทีมเจรจา ถ้าทำได้เร็วกว่านี้จะเป็นประโยชน์กับคนไทย เพราะตอนนี้ถือว่าเป็นไปโดยช้ามาก
2. เปลี่ยนการกระจายวัคซีน
- การฉีดวัคซีนวันนี้ แสดงถึงความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลอย่างมาก เพราะฉีดได้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น แผนการเตรียมความพร้อมไม่มี ดังนั้น รัฐบาลต้องกลับมาตั้งสมติฐานใหม่ ถ้าบริหารจัดการดีๆ บุคลากรต่างๆ ต้องทำได้ดีกว่านี้ ความพร้อม การประชาสัมพันธ์เรื่องการฉัดวัคซีน กระจายการฉีดวัคซีนต้องทำได้ดีกว่านี้ เชื่อว่า 10 ล้านเข็มต่อเดือนสามารถทำได้ แต่อย่างไรก็ตาม ถึงตอนนี้ไม่มีใครชี้แจงว่าทำอย่างไร ดังนั้น อยากเรียกร้อง ให้รัฐบาลระบุถึงเป้าหมายให้ชัด การฉีดวัคซีนต่อวัน ต่อเดือน เป็นอย่างไร เพื่อที่จะให้ภาคประชาสังคมอื่นๆ ที่ติดตามอยู่สามารถเข้ามาช่วยเหลือได้
3. เปลี่ยนมาตรการเยียวยา
- ในภาวะวิกฤตอย่างนี้ มาตรการทางสังคมกับมาตรการทางเศรษฐกิจต้องไปด้วยกัน ในการระบาดรอบแรก ทั้งสองมาตรการเป็นไปอย่างไม่ได้สัดส่วน ไม่สอดคล้อง เพราะมาตรการสังคมเข้มงวดแต่มาตรการเศรษฐกิจกลับไม่รองรับ มีแรงงานนอกระบบถูกทอดทิ้งเป็นจำนวนมาก กระทั่งสถานการณ์ ณ ตอนนี้ เราเข้าสู่ภาวะกึ่งล็อกดาวน์ แต่ไม่มีมาตรการเศรษฐกิจรองรับเลย ซึ่งอันตรายมาก เราควบคุมการค้าแต่ไม่มีมาตรการออกมา ดังนั้น พ.ร.บ เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ตอนนี้เงินที่เหลือ 2.5 แสนล้าน ต้องนำออกมาใช้อย่างรวดเร็วใน 2 เรื่อง คือ 1.ป้องกันไม่ให้ลูกจ้างตกงานเพิ่ม โดยรัฐบาลอาจช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยด้วยการช่วยจ่ายเงินเดือน 50% แลกกับการที่นายจ้างไม่เลิกจ้าง และ 2. เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างถ้วนหน้ารายละ 3,000 บาท ต่อเดือน ซึ่งโดยสภาวะการคลังยังทำได้
4. เปลี่ยนทัศนคติผู้บริหาร
- วันนี้ คนไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะพาประชาชนไปรอด เพราะยังเป็นระบบเป็นเจ้าขุนมูลนาย ผู้บริหารยังมองว่าประชาชนเป็นภาระ ทั้งที่เมื่อไปดูการแพร่ระบาด การติดเชื้อนั้นมาจากอภิสิทธิ์ชนและการเลือกปฏิบัติตามแบบของระบบเจ้าขุนมูลนายทั้งสิ้น ดังนั้น ผู้บริหารต้องเปลี่ยนทัศนคติใหม่ว่า ตนต้องเป็นผู้รับผิดชอบ และประชาชนไม่ใช่ภาระ การบริหารจัดการต้องเท่าเทียมกัน ข้อมูลต้องเปิดเผย และมีความจริงจัง จริงใจในการดูแลประชาชน
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก คณะก้าวหน้า - Progressive Movement