เสรีพิศุทธ์ ถึงกับเอ่ยปาก ยึดอำนาจบริหารโควิด กูจะบ้าตาย คนเราแม่งมีสมอง สองมือ จะมีปัญญาสักแค่ไหน แบ่งการกระจายอำนาจให้คนอื่นเขาทำเหมาะสมแล้ว ประเทศทั้งประเทศมึงจะทำอย่างไรคนเดียว เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ปกครองทั้งทหารทั้งตำรวจ มาเรื่องโควิดกูก็จะดูเองอีก ที่ประเทศที่เขาเจริญเขาไม่มีนะ ไม่มีหรอกเอาทหารมานั่งรับผิดชอบ มาดูแลการบริหารโควิด ไอ้พวกนี้ก็จะให้ลูกน้องมีเงินใช้ มีค่าเสี่ยงภัย มีโน้น มีนี่ใช้ มีเบี้ยเลี้ยงใช้
สืบจากกรณีที่ การประชุมคณะรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ให้บรรดาอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงตามกฎหมาย หรือที่เป็นผู้รักษาการตามกฎหมายหรือที่มีอยู่ตามกฎหมาย โอนมาเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการอนุญาต อนุมัติ สั่งการ บังคับบัญชา หรือช่วยในการป้องกัน แก้ไข ปราบปราม ระงับยับยั้งในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือฟื้นฟู ช่วยเหลือประชาชน ตามกฎหมายจำนวน 31 ฉบับ เพื่อให้การแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อ วันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา
ล่าสุดวันนี้ 28 เมษายน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทยได้เผยถึงประเด็นการโอนอำนาจไปให้ นายกฯเป็นผู้บริหารปัญหาโควิด-19 ว่า เมื่อวานได้มีการประชุมผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งพรรคในฝ่ายประชาธิปไตยทั้งในและนอกสภาได้มีมติร่วมกัน ว่านายกรัฐมนตรีไม่สามารถทำตามกฎหมายที่ตนเองออกมาได้ โดยเฉพาะการระบาดของโรคระบาด จึงมีมติว่านายกรัฐมนตรีควรจะลาออก แต่รายละเอียดตนขอไม่แถลง ขอให้รอพรรคร่วมฝ่ายค้านที่จะแถลงในวันนี้
เรื่องยึดอำนาจบริหารโควิด กูจะบ้าตาย คนเราแม่งมีสมอง สองมือ จะมีปัญญาสักแค่ไหน แบ่งการกระจายอำนาจให้คนอื่นเขาทำเหมาะสมแล้ว ประเทศทั้งประเทศมึงจะทำอย่างไรคนเดียว เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ปกครองทั้งทหารทั้งตำรวจ มาเรื่องโควิดกูก็จะดูเองอีก ที่ประเทศที่เขาเจริญเขาไม่มีนะ ไม่มีหรอกเอาทหารมานั่งรับผิดชอบ มาดูแลการบริหารโควิด ไอ้พวกนี้ก็จะให้ลูกน้องมีเงินใช้ มีค่าเสี่ยงภัย มีโน้น มีนี่ใช้ มีเบี้ยเลี้ยงใช้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวถึงประกาศ กรุงเทพมหานคร(กทม.) ที่ออกมาวันที่ 25 เมษายน 2564 แล้วมีผลบังคับทันทีในวันถัดไป ว่า ความเป็นจริงแล้วควรจะมีการให้เวลาประชาชนบ้าง เพราะขนาดกฎหมายอื่นยังมีระยะเวลาในการรอมีผลบังคับ เพื่อให้ประชาชนได้เตรียมตัว เชื่อว่าประชาชนไม่ทราบ เพราะตนเองก็เพิ่งมาทราบในวันที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีโดนปรับ ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีจ่ายค่าปรับกรณีที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย ว่า มองก็รู้ว่าเป็นการสร้างภาพให้ดูว่าเป็นนายกรัฐมนตรีต้องอยู่ใต้กฎหมาย จะอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้ คุณสร้างภาพคิดว่าประชาชนจะเชื่อหรือ เพราะคุณยึดอำนาจ คุณเขียนรัฐธรรมนูญโกงทุกอย่าง ให้มี ส.ว. เลือกนายกฯ โกงมาตลอดแล้วจะคิดบริหารประเทศได้อย่างไร ทั้งนี้หากแน่จริงก็ทำให้เหมือนประชาชนทั่วไป ไม่ต้องเรียกผู้ว่าฯ กทม. พนักงานสอบสวนมาเปรียบเทียบปรับที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ให้เดินทางไปสถานีตำรวจเพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเปรียบเทียบปรับเอง ดังนั้นประชาชนใครจะเชื่อ ตนคนหนึ่งก็ไม่เชื่อ เพราะพลเอกประยุทธ์สร้างภาพเก่ง
นอกจากนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวถึงงบประมาณของประเทศ 3 แสนกว่าล้าน ว่า ควรจะใช้ให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด ไม่ใช่เอาไปซื้ออาวุธกันเพื่อให้มีเงินทอน ทุกคนก็รู้อยู่ซื้ออาวุธมันมีเงินทอน มันก็จะถล่มซื้ออาวุธไว้ นี่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณที่กำลังจะเข้าสภาก็มีการซื้ออาวุธอีก ดังนั้นหากจะคิดถึงพี่น้องประชาชนจริงต้องยุติหมด ในเรื่องจัดซื้อจัดจ้างอะไรต่างๆที่ไม่สำคัญต้องยุติหมด เอาเงินทั้งหมดมาใช้ประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะขณะนี้เวลานี้เรื่องโควิดเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ขอบคุณภาพประกอบข่าวเพิ่มเติมจาก EasyYukhon