การศึกษาไทยเข้าใกล้วิกฤติ เพราะรัฐบาลทำงามหน้า ลดงบการศึกษา 6.7 % ‘ก้าวไกล’ ชี้ โจทย์ของงบ 65 คือ รัฐบาลต้องจัดงบฟื้นฟูนักเรียนและครูที่บอบช้ำจากโควิด ให้ฟื้นขึ้นและตามทันการเรียนรู้ให้เร็วที่สุด ก่อนนี้งบการศึกษาอยู่ที่ราวร้อยละ 20 ตอนนี้มาอยู่ที่ร้อยละ 14 จากจำนวนนี้ ร้อยละ 70 เป็นเงินเดือนของบุคลากรและลูกจ้างประจำ จึงเห็นได้ว่างบเพื่อพัฒนามีน้อยมาก ปีนี้ยังลดลงอีก 24,000 ล้านบาท
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส. พิษณุโลก เขต1 พรรคก้าวไกล อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายกระจำปีงบประมาณ 2565 ที่เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระเเรก โดยระบุว่า หนึ่งในพันธกิจของประเทศที่ต้องการวิสัยทัศน์และการจัดลำดับความสำคัญมากที่สุด คือเรื่องการศึกษาเพราะเป็นทั้งเรื่องทิศทางของประเทศและอยู่ในช่วงของสถานการณ์โควิด 19
“มีข้อมูลชัดเจนว่าการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ไม่สามารถทดแทนการเรียนการสอนในภาวะปกติที่ต้องมีทั้งในห้องและออนไลน์ได้ จากรายงานผลการศึกษาในต่างประเทศพบว่า สถานการณ์โควิดที่ผ่านมาทำให้การศึกษาถดถอยลงเฉลี่ย 1.9 เดือน และนักเรียนยากจนจะแย่ไปกว่านั้นคือสูญเสียการเรียนรู้ไป 2.5 เดือน สำหรับประเทศไทย ผลการศึกษาพบว่านักเรียนยากจนพิเศษเกิดภาวะการเรียนรู้ถดถอยลงไปถึง 1-2 ปีการศึกษา
หมายความว่า นักเรียนยากจนชั้น ป.6 จะมีทักษะการอ่านออกเขียนได้ถอยไปเท่านักเรียนชั้น ป.4 ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และในการบริหารของรัฐบาลนี้ทำให้มีนักเรียนยากจนพิเศษเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งเรากำลังพูดถึงนักเรียนเป็นล้านคนที่กำลังเกิดการเรียนรู้ถดถอยดังกล่าว นี่คือวิกฤตการณ์การศึกษาของประเทศไทย ที่ไม่ใช่แค่การเรียนรู้เท่านั้น แต่จะเกิดภาวะทุกขโภชนาการขึ้นด้วย เนื่องจากสัมพันธ์กับครอบครัวที่รายได้ลดลงหรือถูกเลิกจ้าง ซึ่งส่งผลต่อการศึกษาลูกหลานทันที
ทำให้มีนักเรียนที่เสี่ยงหลุดากการศึกษาถถึง 300,000 คน แต่เมื่อมาดูงบการศึกษามีเพื่อแก้ไขปัญหานี้กลับมีเพียง 4.6 ล้านบาท ทั้งยังได้ตัดงบของกองทุนเสมอภาคทางการศึกษาไปอีก 433 ล้านบาท ในเรื่องการเรียนออนไลน์ พบว่าเรามีนักเรียนยากจนพิเศษที่อาจเข้าไม่ถึงกว่า 800,000 คน พวกเขาถูกทอดทิ้งจากระบบการศึกษาที่ไม่ใช่เพราะครูแต่มาจากความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล”
นายปดิพัทธ์ ยังได้กล่าวถึงผลกระทบต่อผู้ปกครองว่ามีความกังวลเรื่องเงินไม่พอจ่าย ทำให้ต้องดินรนหาค่าเทอม เข้าโรงจำนำ ต้องไปยืมเงินหรือรัดเข็มขัดทุกอย่าง สภาพที่รุมเร้าแบบนีเกิดขึ้นกับหลายล้านครอบครัว เขาอยากเปิดเทอมเพื่อจะได้มีเวลาไปทำงาน แต่ทำไม่ได้เพราะครูไม่ได้วัคซีน ในภาวะที่ครูและผู้ปกครองมีภาระแบบนี้ รัฐบาลตอบแทนด้วยการลดงบประมาณด้านการศึกษาและจัดงบประมาณราวกับประเทศไทยไม่มีปัญหาเลย
“การศึกษาของประเทศไทยหนักแบบนี้ มีหน้ามาจัดงบแบบนี้ได้อย่างไร ตั้งแต่ ปี 63 ที่ พล.อ.ประยุทธ์สืบทอดอำนาจได้สำเร็จ งบประมาณด้านการศึกษาได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง และลดมาแล้ว 10 % จะอ้างว่าเพราะครูน้อยลงเด็กน้อยลงไม่ได้ หากดูจากประเทศอื่นที่พัฒนาแล้วยิ่งน้อย เขายิ่งทำคุณภาพให้ดีขึ้น แต่นี่คือต้องการผลิตภาพเท่าเดิม แต่ลดงบประมาณลง หากมาดูที่ความช่วยเหลือ หลายประเทศทำอย่างไร -สิงคโปร์ให้อุปกรณ์ดิจิทัลฟรี -ฟินแลนด์จัดส่งอาหารกลางวันให้นักเรียนที่ต้องเรียนออนไลน์ -ญี่ปุ่นจ้างครูอัตราจ้างเพิ่มเพื่อลดความแออัดในห้อง แต่ของไทยกลับลดครูอัตราจ้าง ตัดไป 1,500 ล้านบาท -อังกฤษและฝรั่งเศสจัดค่ายเพิ่มเพื่อให้เด็กตามไม่ทันได้มาเรียน อย่าบอกว่าไม่มีงบ เพราะเรายังมีงบจัดซื้ออาวุธเพียบ เรายังเห็นงบเอาตัดถนนที่ไม่จำเป็น ดังนั้น หลักการจัดงบแบบนี้สภาจะให้ผ่านได้หรือ”
นายปดิพัทธ์ ยังกล่าวว่า โจทย์ของงบ 65 คือ รัฐบาลต้องจัดงบฟื้นฟูนักเรียนและครูที่บอบช้ำจากโควิด ให้ฟื้นขึ้นและตามทันการเรียนรู้ให้เร็วที่สุด โดย พรรคก้าวไกล มี 5 ข้อเรียกร้องที่ควรทำได้แก่
- 1.เตรียมครูให้พร้อมด้วยทรัพยากรและวัคซีน การปิดโรงเรียนต้องไม่ใช่เรื่องแรกแต่ควรเป็นเรื่องสุดท้าย
- 2.ควรมีการจัดสรรงบเพื่อการวิจัยและประเมินสมรรถนะและคุณภาพชีวิตของนักเรียน เพื่อให้ช่วยเหลือได้ตรงจุด
- 3. หยุดปัญหานักเรียนหลุดจากระบบการศึกษา ค่าเครื่องแบบหรือค่าอะไรต่างๆที่ไม่จำเป็นไม่ต้องมี และต้องฟรีจริง
- 4.สนับสนุนการศึกษาทางเลือกให้เด็กที่หลุดไปแล้วกลับมาได้หรือมีอาชีพให้เขาได้
- 5. สนับสนุนงบประมาณโรงเรียนที่ต้องจัดการเรียนพิเศษและการเรียนรู้ด้วยตนเอง
ด้าน นายสุรวาท ทองบุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อภิปรายในประเด็นเดียวกันว่า การศึกษาไทยขาดแคลนทุกอย่างทั้งบุคลากร อุปกรณ์ โครงสร้างพื้นฐาน ตลอด 7 ปีที่ผ่านมามีแต่ดำดิ่งลง กระทั่งนักเรียนก็ไม่มีความปลอดภัยและถูกละเมิดมากมายในโรงเรียน ต่อมาจึงตามมาด้วยสถานการณ์โควิด จึงหวังว่าการจัดงบประมาณจะเป็นไปเพื่อทำให้ข้ามพ้นปัญหาและไปสู่อนาคตได้ แต่งบประมาณนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น
“ก่อนนี้งบการศึกษาอยู่ที่ราวร้อยละ 20 ตอนนี้มาอยู่ที่ร้อยละ 14 จากจำนวนนี้ ร้อยละ 70 เป็นเงินเดือนของบุคลากรและลูกจ้างประจำ จึงเห็นได้ว่างบเพื่อพัฒนามีน้อยมาก ปีนี้ยังลดลงอีก 24,000 ล้านบาท และยังจัดสรรแบบเดิมโดยไม่มีข้อความใดที่แตกต่างจากปีผ่านมานอกจากตัวเลขที่ลดลง คิดว่า ปัญหาเร่งด่วนที่สุดที่กระทรวงต้องแก้ไขคือปัญหาของนักเรียนและครู ซึ่งไม่มีทั้งวัสดุอุปกรณ์ รวมถึงบทเรียนต้นแบบ ขณะนี้ตัวเลขการติดเชื้อมากขึ้นเรื่อยๆ คงยากที่จะกลับมาเปิดเรียนได้ อย่างไรก็ตาม โรงเรียนยังจำเป็นต้องมีครูที่มากพอ มีอุกรณ์ที่สนับสนุน เบื้องต้นคือต้องเอางบที่ตัดไปคืนมาเพื่อจัดให้มีโครงสร้างพื้นฐานให้ได้ไม่ว่าอินเตอร์เน็ท หรืออุปกรณ์การเรียน และนำมาจ้างครูให้มีความเพียงพอ ที่สำคัญอีกเรื่องคือต้องมีชุดการเรียนรู้ต้นแบบเพื่อให้ครูมีเครื่องมือไปจัดการสอนต่อได้ไม่ว่าจะสอนในรูปแบบไหนก็ตาม"
ขอบคุณข้อมูลจาก พรรคก้าวไกล - Move Forward Party
ขอบคุณภาพประกอบข่าวเพิ่มเติมจาก pixabay