ข่าวพระราชสำนัก ย้อนเรื่องเล่าแสนเศร้า งานพระศพของ สมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร พระราชธิดาลำดับที่ 43 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร พระราชธิดาลำดับที่ 43 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2427 เป็นพระขนิษฐาร่วมพระมารดาของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร มกุฎราชกุมารพระองค์แรกของสยาม และเป็นเชษฐภคินีของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระราชบิดาของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
พระองค์สิ้นพระชนม์ที่วังคันธวาส ถนนวิทยุ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2481 เวลา 23.15 นาฬิกา ด้วยพระอาการสงบ ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพารตลอดจนผู้ใกล้ชิด นับเป็นพระราชธิดาองค์สุดท้ายของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวีที่สิ้นพระชนม์ในการนี้สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี เสด็จไปงานพระราชทานเพลิงพระศพด้วยพระองค์เอง ซึ่งก่อนหน้านี้สมเด็จพระศรีสวรินทิราฯ ไม่เคยเสด็จไปงานพระราชทานเพลิงพระศพพระราชโอรสธิดาพระองค์ใด เนื่องจากคติโบราณที่ห้ามบิดามารดาเผาศพบุตร มิฉะนั้นต้องเผาอีก แต่ครั้งนี้เป็นพระราชธิดาองค์ท้ายสุด พระองค์จึงได้เสด็จมา และมีพระดำรัสที่มีนัยยะความชอกช้ำพระทัย และประชดประชันในพระชะตาชีวิตว่า "...อ๋อ ไปส่งให้หมด พอกันที ไม่เคยไปเลยจนคนเดียว คนนี้ต้องไปหมดกันที"
ในช่วงนั้นประเทศไทยอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลง บ้านเมืองแร้นแค้น บรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ ต่างใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก ในหนังสือ"สมเด็จพระศรีสวรินทิราฯ โดยคุณสมภพ จันทรประภา ได้มีการเล่าเกี่ยวกับงานพระศพของเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ ว่า "แต่มาถึงงานพระเมรุสมเด็จพระราชธิดาซึ่งดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า รัฐบาลแจ้งให้ทราบว่าไม่มีเงินที่จะใช้ในการพระเมรุตามพระราชอิสริยยศ ถ้าต้องพระประสงค์จะถวายพระเพลิงก็ต้องพระราชทานเงิน สมเด็จฯ ในเวลานั้นก็ไม่ทรงมีเงินสดมากนัก พระราชทรัพย์ที่ทรงมีก็เป็นตึกแถวที่ดินตามแบบคหบดีรุ่นเก่าๆ ทั้งหลาย ถึงกระนั้นก็ทรงยอมพระราชทานเงินเพื่อใช้ในการถวายพระเพลิงสมเด็จพระราชธิดาของพระองค์ หรือสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าในทางราชการ"
"พระเมรุสร้างขึ้น ณ ท้องสนามหลวงอย่างเร่งรีบ ไม่ต้องพูดถึงความงาม ไม่ต้องพูดถึงความโอ่โถง ไม่ต้องพูดถึงอะไรทั้งสิ้น เพราะแม้แต่ความเรียบร้อยก็พูดได้ยาก สภาพของกระบวนแห่พระศพขะมุกขะมอม เพราะไม่มีเจ้าพนักงานมาเดิน 4 สาย ใช้ยุวชนทหารมาเดินแทน ก็เครื่องแบบยุวชนนั้น โดยทั่วไปก็ไม่ค่อยจะเรียบร้อยอยู่แล้ว โดยเฉพาะถุงเท้าและรองเท้า เป็นงานเมรุกลางเมืองที่น่าเศร้าที่สุดตั้งแต่สร้างกรุงมา"
"อย่างไรก็ตาม พระศพก็มาถึงท้องสนามหลวงจนได้ และต้องหยุดคอยผู้สำเร็จราชการอยู่อีกเป็นเวลานานจึงได้เคลื่อนไปเวียนรอบพระเมรุ ได้ทราบต่อมาภายหลังว่ารัฐบาลก็ได้สังเกตุเห็นความบกพร่องต่างๆ ดังกล่าวและได้ตำหนิไปยังผู้รับผิดชอบ."
"รัฐบาลมาตำหนิทีหลัง...แม้แต่รูปถ่ายก็ไม่มี ถ้าไครมีแชร์หน่อยนะคะ เห็นว่างานพระศพครั้งนั้นขบวนมีแค่ยุวชนทหาร และลูกเสือชาวบ้าน นับเป็นพระราชธิดาองค์สุดท้ายของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวีที่สิ้นพระชนม์ พระพันวสา เสด็จไปงานพระราชทานเพลิงศพด้วยพระองค์เอง ซึ่งก่อนหน้านี้พระพันวสา ไม่เคยเสด็จไปงานพระราชทานเพลิงพระศพพระราชโอรสธิดาพระองค์ใด เนื่องจากคติโบราณที่ห้ามบิดามารดาเผาศพบุตร มิฉะนั้นต้องเผาอีก แต่ครั้งนี้เป็นพระราชธิดาองค์ท้ายสุด พระองค์จึงได้เสด็จมา และมีพระดำรัสที่มีนัยยะความชอกช้ำพระทัย และประชดประชันในพระชะตาชีวิตว่า "...อ๋อ ไปส่งให้หมด พอกันที ไม่เคยไปเลยจนคนเดียว คนนี้ต้องไปหมดกันที"
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก wikipedia