ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) สหรัฐอเมริกา เข้าพบ นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล กล่าวชม มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ของรัฐบาลไทย และการบริหารจัดการของนายกรัฐมนตรี ที่ประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมได้รับการยอมรับจากนานาชาติ
วานนี้ 10 ก.ค. 63 พลเอก เจมส์ ซี แมคคอนวิลล์ (General James C. McConville) ผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐอเมริกา เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณกองทัพบกสหรัฐฯ ที่ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้บัญชาการทหารบกภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก การประชุมสัมมนาการบริหารงานของกองทัพบกกลุ่มประเทศภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก และการประชุมนายทหารประทวนอาวุโส ประจำปี 2020 ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ประสบความสำเร็จยอดเยี่ยม ขอบคุณสหรัฐฯ ที่อำนวยความสะดวกให้คนไทยในการเดินทางกลับประเทศ รวมทั้งสนับสนุนงบประมาณราว 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มอบเวชภัณฑ์ และวัสดุอุปกรณ์ป้องกันร่างกายส่วนบุคคล เพื่อช่วยเหลือไทยในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย
ผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐฯ ชื่นชมกองกำลังพลของไทยที่มีความเข้มแข็ง และยินดีที่จะได้ร่วมลงนามในเอกสารวิสัยทัศน์ร่วมทางยุทธศาสตร์ระหว่างกองทัพบกไทยกับสหรัฐฯ (Thailand and United States Army - to - Army Strategic Vision) ซึ่งจะส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพบกของทั้งสองฝ่ายให้สามารถร่วมกันพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถของกำลังพลทั้งสองประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งสองฝ่ายย้ำความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันซึ่งมีมายาวนาน โดยเฉพาะในระดับกองทัพที่มีความร่วมมือในหลายเรื่อง ยืนยันจะดำรงบทบาทสนับสนุนการเสริมสร้างความมั่นคงและผลประโยชน์ร่วมกันเพื่อให้ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกมีเสถียรภาพ เสรี เปิดกว้างและยั่งยืน
ผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐฯ ชื่นชมมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ของรัฐบาลไทย และการบริหารจัดการของนายกรัฐมนตรี ที่ประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในสหรัฐฯ ขอให้กำลังใจผู้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง โดยเชื่อมั่นว่าสหรัฐฯ จะสามารถแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ได้สำเร็จ และค้นพบวัคซีนได้โดยเร็ว นายกรัฐมนตรียืนยันพร้อมร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยรัฐบาลไทยพร้อมอำนวยความสะดวกในการลงทุนให้แก่ภาคเอกชนสหรัฐฯ
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก โฆษกรัฐบาล