จากกรณีที่มีข่าวออกมาว่า ทางโรงพยาบาลศิริราช ได้รับผู้ป่วยหญิงรายหนึ่งวัย 31 ปี ส่งต่อมาจาก รพ.เอกชนย่านราษฎร์บูรณะ หลังพบว่ามีอาการต้องสงสัยเข้าข่ายติดเชื้อโควิด-19 แต่ทั้งนี้หลังจากที่ตรวจสอบทั้งหมด 3 แล็บแล้วนั้น ปรากฎว่าไม่พบเชื้อโควิด-19
กรมควบคุมโรค เปิดเผยรายละเอียด ผู้ป่วยหญิงรายดังกล่าวมีประวัติโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวาน เข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยในตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2563 ด้วยอาการบวมตามแขน ขา ต่อมาในวันที่ 13 กรกฎาคม 2563 ผู้ป่วยอาการไม่ดีขึ้น มีอาการปอดอักเสบ แพทย์สงสัยโรคโควิด-19 จึงเก็บตัวอย่างจากโพรงจมูกส่งตรวจที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ผลปรากฏว่า พบเชื้อ
ทว่าต่อมาทำการเก็บเสมหะตรวจซ้ำ ซึ่งผลปรากฏว่า ไม่พบเชื้อ และทางกรมควบคุมโรคได้ทำการเก็บเสมหะเพิ่มเติมอีกครั้งเพื่อส่งตรวจยืนยันในวันที่ 14 และวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 เนื่องจากการสอบสวนประวัติจากสามีพบว่า ผู้ป่วยไม่มีประวัติของปัจจัยเสี่ยงแต่อย่างใด และผลการตรวจโดยสถาบันบำราศนราดูร และ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คือ ไม่พบเชื้อ เช่นเดียวกัน เบื้องต้นสรุปได้ว่าผู้ป่วยรายนี้น่าจะไม่ใช่ผู้ป่วยโรคโควิด-19 อย่างไรก็ตามสถาบันบำราศนราดูร กำลังทำการตรวจโดยใช้เทคโนโลยีการหาลำดับเบสที่พัฒนาขึ้นใหม่ ซึ่งต้องรอผลอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ หลังจากรับรายงานผู้ป่วยรายนี้และอยู่ระหว่างรอผลการตรวจซ้ำ ทีมสอบสวนควบคุมโรคของกรมควบคุมโรคร่วมกับ สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร ได้ไปที่โรงพยาบาลดังกล่าว เพื่อเริ่มการสอบสวนโรค ค้นหาผู้สัมผัสและตรวจหาเชื้อในผู้สัมผัสเสี่ยงสูงรวมทั้งดำเนินการควบคุมโรคร่วมกับโรงพยาบาล ถึงแม้ว่าผลการตรวจของผู้ป่วยรายนี้จะยืนยันได้ว่าไม่พบเชื้อโควิด-19 แต่การดำเนินงานในเหตุการณ์นี้ แสดงให้เห็นถึงการเตรียมความพร้อมของกระทรวงสาธารณสุขและเครือข่ายโรงพยาบาลในด้านการรักษาพยาบาล การเฝ้าระวังสอบสวนโรคและทรัพยากรการตรวจทางห้องปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพ
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก คมชัดลึก