สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื่อไวรัสโควิด-19 วันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 205 คน ยอดสะสม 9,841 คน รักษาหายเพิ่ม 734 คน ยอดสะสม 5,255 คน อยู่ระหว่างรักษาใน รพ. 4,519 คน เสียชีวิตเพิ่ม 0 คน ยอดสะสม 67 คน เป็นการติดเชื้อในประเทศ 131 คน ติดในแรงงานข้ามชาติ 58 คน ทั้งนี้ทาง โฆษกรัฐบาล ออกมาเปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมวัคซีนปี 64 สำหรับคนไทย 33 ล้านคน พร้อมเจรจานำเข้าเพิ่มเติมอีกจำนวน 35 ล้านโดส
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเป้าหมายในการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลในปี 2564 อย่างน้อยร้อยละ 50 ของประชากรไทย ครอบคลุมประชาชนกว่า 33 ล้านคน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยในเดือนกุมภาพันธ์จะมีการนำเข้าวัคซีนจากบริษัทจีน จำนวน 200,000 โดส กลุ่มแรกที่จะได้รับคือ บุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุข อสม. และพื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัด ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีโรคประจำตัว จะมีเพิ่มเติมอีก 800,000 โดส ในเดือนมีนาคม ซึ่งจะแบ่งฉีดให้กลุ่มผู้ได้รับวัคซีนโดสแรกจนครบ 2 โดสต่อคน และในเดือนเมษายนจะมีเพิ่มเติมอีก 1,000,000 โดส ทั้งนี้ วัคซีนดังกล่าวจะต้องได้รับอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนผ่านองค์การอาหารและยาของประเทศจีนและประเทศไทยเช่นเดียวกัน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังเผยถึงวัคซีนที่ได้จองซื้อล่วงหน้าตามสัญญาบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า สหราชอาณาจักร จำกัด จำนวน 26 ล้านโดส จะเป็นการผลิตภายในประเทศหลังจากมีการเตรียมความพร้อมด้านโรงงาน วัสดุ ครุภัณฑ์ ผ่านบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ซึ่งผ่านขั้นตอนการทดสอบเพื่อให้ได้วัคซีนที่มีคุณภาพเทียบเท่ามาตรฐานกลางซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันกับโรงงานผลิตทั่วโลก ภายใต้บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า สหราชอาณาจักร จำกัด คือ จะต้องมีการทดสอบต่อเนื่อง 5 รอบการผลิต แต่ละรอบจะผลิตห่างกัน 2 สัปดาห์ ใช้เวลาทั้งหมด 120 วัน แบ่งเป็นการผลิต 60 วัน และการตรวจสอบวิเคราะห์คุณภาพ 60 วัน ซึ่งในรอบแรกได้ทำการผลิตเมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา และกำลังดำเนินการผลิตต่อในรอบสอง เมื่อผลิตครบ 5 รอบ จะนำผลดำเนินการยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการองค์การอาหารและยาเพื่อพิจารณาอนุมัติ คาดว่าจะสำเร็จภายในเดือนพฤษภาคม ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรียังได้ดำเนินการเจรจาเพื่อนำเข้าวัคซีนเพิ่มเติมอีกจำนวน 35 ล้านโดส
นอกจากนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังย้ำอีกว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับมาตรการด้านเศรษฐกิจควบคู่กับด้านสาธารณสุข โดยมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด ซึ่งกระทรวงการคลังได้ชี้แจงเพิ่มเติมถึงจำนวนเงินของภาครัฐ ทั้งในส่วนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และรายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทาหรือแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 จำนวนกว่า 1.39 แสนล้านบาท เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 ในส่วนที่เหลืออีกจำนวน 4.7 แสนล้านบาท และงบลงทุนรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2564 จำนวน 2.9 แสนล้านบาท ที่จะสามารถดูแลขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยต่อไปได้ ทั้งนี้ ขอให้ความมั่นใจว่า พื้นฐานเศรษฐกิจไทย ทั้งภาคการเงิน การคลังยังเข้มแข็ง และพร้อมเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก รัฐบาลไทย