แพทย์โรงพยาบาลรามาฯ ออกมาอธิบายแนวทางการรักษา หญิงตั้งภรรภ์ติดเชื้อโควิด - 19 อาจต้องคลอดก่อนกำหนด หากอาการหนัก
สำนักข่าว คมชัดลึก รายงานว่า รศ.นพ.พัญญู พันธ์บูรณะ และทีมภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก สำหรับการบริบาลสตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ ซึ่งหากติดเชื้อจะมีอาการดังต่อไปนี้
การติดต่อและอาการ
- ติดต่อผ่านทางสัมผัสละอองฝอย ไอ จาม
- อาการส่วนใหญ่ ไข้ (83%) ไอ (31%) หายใจติดขัด (11%)
- ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ น้ำมูกไหล
- หนาวสั่น ปวดศีรษะ การรับรสและกลิ่นลดลง
รศ.นพ.พัญญู ชี้แจงต่อว่า ขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานว่าจะมีการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกได้ ด้วยเหตุผลนี้ ผลของโรคต่อการตั้งครรภ์จึงยังไม่ชัดเจนหรือยังไม่สามารถสรุปได้ เพราะข้อมูลที่มีอยู่ยังจำกัด
อย่างไรก็ตาม มีการพบรายงานว่าการคลอดก่อนกำหนด ทำให้เด็กนั้นเจริญเติบโตช้าในครรภ์ และมีภาวะครรภ์เป็นพิษ
สำหรับแนวทางการรักษานั้น จะปฏิบัติตามแนวทางของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ที่จะเป็นการปรึกษากันระหว่างทีมพบผู้ติดเชื้อและทีมโควิด - 19 ของโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล เพื่อประเมินความรุนแรงของโรคและภาวะเสี่ยง โดยจะมีการวัด oxygen saturation ตรวจเลือด CBC ตรวจสอบการทำงานของตับและไต อีกทั้งเอกซเรย์โดยใช้ shield บริเวณท้องของผู้ติดเชื้อ เพื่อป้องกันทารกรับรังสีมากเกินไป
หากพบผู้ติดเชื้อมีอาการไม่รุนแรง จะรับไว้ในโรงพยาบาลเป็นเวลาประมาณ 2-7 วัน เพื่อดูอาการ พร้อมทั้งให้ยาตามแนวทางการรักษาของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ถ้าอาการ และเอกซเรย์ แล้วดีขึ้น ก็สามารถกลับไปอยู่ ward ได้ปกติ ประมาณ 14 วัน หลังจากนั้นถึงกักตัวอยู่ที่บ้านต่ออีก 30 วัน
อย่างไรก็ตาม หากผู้ติดเชื้อ มีอาการปานกลาง หรือ อาการหนัก จะถูกรับไว้ในโรงพยาบาลทันที เพื่อตรวจสัญญาณชีพ ตรวจอัตราการเต้นของหัวใจทารก หรือเรียกว่า CTG ตั้งแต่อายุครรภ์ 28 สัปดาห์เป็นต้นไป และให้ยาตามแนวทางการรักษาของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข หากอาการยังเเย่ลงอีก จะต้องเข้า ICU ให้เครื่องช่วยหายใจในแง่ของ respiratory support และยาตามความเหมาะสมต่อไป
กรณีอาการหนัก ออกซิเจนต่ำ หรือแม่ช็อก อาจต้องผ่าตัดฉุกเฉิน เพื่อนำเด็กออกมาก่อน หากต้องปฏิบัติการกู้ชีพ ในการผ่าตัดต้องผ่าตัดในห้องที่มีความดันลบ พร้อมทั้งระงับความเจ็บปวดตามแนวทางของวิสัญญีแพทย์ว่าจะเลือกใช้การบล็อคหลังหรือใส่ tube สำหรับทีมผ่าตัด ขอแนะนำให้ใส่ full PPE เตรียมทีมกุมารแพทย์ใส่ PPE ในการรับเด็ก พร้อมทั้งเช็ดตัว และทำความสะอาดเด็กทารกหลังคลอด ถึงส่งให้กุมารแพทย์ประเมินต่อไป