ยอดผู้ติดเชื้อ CV-19 วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน 2564 รวม 6,978 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 6,387 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 237 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 346 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 8 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,960,610 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) หายป่วยกลับบ้าน 7,697 ราย หายป่วยสะสม 1,845,758 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้ป่วยกำลังรักษา 96,463 ราย เสียชีวิต 62 ราย
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้มีโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เปิดเรียนรูปแบบ On Site ในวันที่ 1 พฤศจิกายนแล้ว กว่า 12,000 แห่งทั่วประเทศ และจะทยอยเปิดเรียนมากขึ้นตามความพร้อม จึงต้องเน้นย้ำเรื่องมาตรการความปลอดภัย 6-6-7 เพื่อลดความเสี่ยงโควิดในสถานศึกษา ประกอบด้วย 6 มาตรการหลัก (DMHT-RC) เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือ คัดกรองวัดไข้ ลดการแออัด และทำความสะอาด 6 มาตรการเสริม ดูแลตนเอง ใช้ช้อนกลางส่วนตัว กินอาหารปรุงสุกใหม่ ลงทะเบียนเข้าออกโรงเรียน สำรวจตรวจสอบ และกักกันตัวเอง
ส่วนแนวทาง 7 มาตรการเข้มสำหรับสถานศึกษา
- 1.ประเมิน TSC+ และรายงานผลผ่าน MOE COVID อย่างต่อเนื่อง
- 2.Small Bubble ทำกิจกรรมแบบกลุ่มย่อย
- 3.อาหารตามหลักสุขาภิบาลอาหารและหลักโภชนาการ
- 4.อนามัยสิ่งแวดล้อม ทั้งอากาศ ความสะอาด น้ำ ขยะ
- 5.School Isolation มีแผนเผชิญเหตุและซักซ้อม
- 6.Seal Route ดูแลการเดินทางจากบ้านไปโรงเรียน
- 7. School Pass สำหรับนักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษาได้รับวัคซีนจำนวนมากที่สุดอย่างน้อย 85 %
"ในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่ไปเรียนในโรงเรียน พ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรเน้นย้ำกับบุตรหลานว่า ไม่ควรถอดหน้ากากอนามัย ไม่ลืมตรวจ ATK ไม่เล่นเป็นทีมหรือกลุ่มใหญ่ ไม่นั่งติดกันทั้งเวลาเรียน คุยเล่น ทานข้าว และไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน สำหรับการเรียนภายในห้องเรียนต้องนั่งเรียนแบบมีการเว้นระยะ รวมถึงไม่เปิดแอร์เรียนนานเกิน 2 ชั่วโมง ต้องมีการเปิดหน้าต่างระบายอากาศ หากทุกคนในสถานศึกษาร่วมมือร่วมใจทำตามมาตรการอย่างเคร่งครัดก็จะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อCV-19 ในสถานศึกษาได้ และเมื่อลูกหลานกลับมาถึงบ้านแล้ว ควรรีบล้างมือ อาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกาย อีกทั้งยังต้องเฝ้าสังเกตอาการทุกวัน หากคนในครอบครัวสงสัยว่าติดเชื้อCV-19 ให้รีบตรวจ ATK พร้อมกักตัวเองแยกออกจากคนในบ้าน" นายแพทย์โอภาส กล่าว
นายแพทย์โอภาส กล่าวต่อไปว่า สำหรับสถานการณ์การฉีดวัคซีนCV-19 ในเด็กนักเรียน นักศึกษา อายุ 12-17 ปี ณ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ป้องกันCV-19 เข็มแรกแล้ว 2,493,957 คน หรือร้อยละ 55.4 เข็มที่สอง 606,942 คน หรือร้อยละ 13.5 จากเป้าหมาย 4,500,000 คน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะฉีดวัคซีนไปแล้ว แต่ก็ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันส่วนบุคคลขั้นสูงสุดแบบครอบจักรวาลควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้การป้องกันควบคุมโรคเกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด
ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรู้สู้โควิด , สสส.