เพิ่งควงแขนจัดงานฉลองมงคลสมรสไปหมาดๆ สำหรับคู่บ่าว-สาว ป้ายแดง อย่างหนุ่มพีเค ปิยะวัฒน์ และสาวโยเกิร์ต ณัฐฐชาช์ และล่าสุดพวกเขาควงคู่กันมาเปิดใจผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show ทางช่อง ONE31 ที่มีชมพู่ ก่อนบ่าย และท็อป ดารณีนุช เป็นพิธีกร พร้อมทั้งเผยเส้นทางรัก 8 ปี ที่คบกันเคยทะเลาะจนเกือบเลิก และอะไรที่ทำให้ผู้ชายอย่างพีเคที่กลัวการแต่งงานมากๆ ยอมขอสาวโยเกิร์ตแต่งงาน
เมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง?
โยเกิร์ต : เหนื่อย
พีเค : ทุกคนแฮปปี้ก็ออกมาดีแล้ว
ย้อนไปชีวิตรักของพวกคุณ?
พีเค : ก็เห็นแบบนี้ ดูหน้าตาแต่ละคน เขามาจีบผมตั้งแต่ตอนแรก
โยเกิร์ต : เจอกันครั้งแรกที่งานอีเว้นท์งานหนึ่ง โยไปเดินแบบ พี่พีเคเขาก็ไปเป็นพิธีกร วันนั้นจำได้ว่าได้ยินแค่เสียง ไม่ได้เจอตัว ก็ยังพูดกับเพื่อนอยู่เลยว่าพิธีกรเสียงใคร อ่อๆ เสียงพีเค แล้วก็จบ คือเราเคยฟังเพลงเขาตั้งแต่เด็กๆ
พีเค : วันนั้นโยใส่ชุดสีส้มขึ้นเวทีเราก็เห็นว่าใครหว่ะ สวยชิบเป่งเลย มันเป็นเหมือนกับรักครั้งแรก คือเห็นแล้วชอบเลย ก็เลยบอกทีมงานว่าวันนี้ไม่ต้องเอาไวน์มาให้นะ วันนี้ขอเบอร์น้องคนนี้ชื่ออะไร ขอชื่อและขอเบอร์หน่อย อยากรู้จัก
วันนั้นนางแบบสวยๆ เยอะมากทำไมไปเตะตาโยเกิร์ต?
พีเค : เพราะคนนี้เป็นคนเดียวที่พี่ไม่เคยเจอ แล้วเป็นคนที่สวยกว่าทุกคนที่พี่เคยเจอ ณ ตอนนั้น ทีมงานเลยไม่เอาไวน์มาให้ แต่ว่าเอาเบอร์และเอาชื่อมาให้ ชื่อ น้องโยเกิร์ต ชื่อก็น่ากินแล้ว แล้วได้เบอร์มา แต่ด้วยความที่เราชอบเขามาก เราก็ไม่รู้ว่าจะโทรไปหา จะคุยกับเขายังไงดี ก็เลยกันเบอร์เขาไว้ทั้งคืนจนถึงวันต่อมา เวลาเราชอบมากๆ เราก็กลัวความผิดพลาด กลัวโดนเขาปฏิเสธ ก็ไปหาตัวเชื่อมที่ดีที่สุด วันต่อมา วันที่ผมเป็นพิธีกรต่ออีกงานหนึ่ง ผมก็ไปเจอกับน้าเน็ก คือน้าเน็กไม่ได้สนิท แต่ผมให้น้าเน็กโทรให้
แล้วเกิดอะไรขึ้น?
โยเกิร์ต : ตอนนั้นคือไม่ได้ใส่ใจจริงๆ จำได้ว่านี่ผมคือน้าเน็กนะ คือเรารู้จักอยู่แล้วว่าใครคือน้าเน็ก ผมน้าเน็ก ผมเอาเบอร์น้องชายผมโทรมา พีเค น้องชายผมชอบคุณ โยก็ตอบไปเลยว่าสั้นๆ ว่า ไม่สนใจค่ะ ขอบคุณค่ะ ตอนนั้นเรามีแฟนอยู่แล้ว
พีเค : เราเฟลระดับหนึ่ง เราก็คิดว่าไม่เป็นไร สวยระดับนี้ไม่น่าจะโสดอยู่แล้ว แต่ 2 วันหลังจากนั้นผมเป็นพิธีกร ผมก็เห็นเขา แล้วผมก็ยิ้มให้แล้วเดินไปแต่งหน้า นิ่งไว้ก่อน แล้วพอเดินแบบเสร็จปุ๊บ ผมก็ส่งแมสเสจไปว่าดีใจที่ได้เจอนะ แล้วก็ขอโทษที่วันก่อนให้น้าเน็กโทรไป ขอโทษที่ถือวิสาสะ แล้วโยเขาตอบกลับมาว่าไม่เป็นไร เพราะเวลาที่ยูแมสเสจมามันสุภาพ มันไม่ได้โผงผาง เขาก็เลยบอกว่าเราคุยกันได้นะในฐานะของ พี่-น้อง
\r\nแล้วในระหว่างที่คุยกันแบบพี่น้องมันกินเวลานานแค่ไหน?
พีเค : 8 เดือน เขาเป็นคนมีจุดยืน มุ่งมั่นกับความรัก ไลฟ์สไตล์ของเขา เราได้แต่รอเวลาว่า ไม่ใช่เขานะ วันหนึ่งอีกคนหนึ่งพลาดเมื่อไหร่เราจะพุ่งเข้าไป
ตอนที่คุยกับเขามีหวั่นไหวไหม?
โยเกิร์ต : ไม่หวั่นไหวเลย คือตอนนั้นโยเริ่มเข้ามาทำงานในวงการใหม่ๆ มันก็มีคนอยากรู้จัก อยากคุยกับเราเยอะอยู่แล้ว เขาก็เป็นเหมือนหนึ่งในคนเหล่านั้นที่อยากเข้ามาคุย
แล้วอะไรที่ทำให้พี่มั่นใจว่าต้องไปต่อ?
พีเค : ด้วยความที่เป็นผู้ชายมาทั้งชีวิต เรารู้เลยว่าผู้ชายด้วยกันต้องมีพลาด เพราะฉะนั้นถ้าเขาพลาด เขาจบเมื่อไหร่เราจะเสียบ
แสดงว่าเราต้องรู้ข้อมูลฝ่ายตรงข้ามด้วย?
พีเค : พี่เก็บรายละเอียดทุกข้อมูล ทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องงาน แล้วเขาก็เลิกกันไม่เกี่ยวกับผม
โยเกิร์ต : จนวันหนึ่งโยเลิกกับแฟนเก่า ก่อนหน้านั้นยังไม่เลิกก็มีคนคุยเยอะประมาณหนึ่งอยู่แล้ว พอรู้ว่าเลิกกันก็ยิ่งมีคนเข้ามาคุย มาหาเรามากขึ้น วันนั้นวันที่เลิกกันจริงๆ ไม่ได้คิดว่าจะคบกับเขาหรือชอบเขาอะไรเลย เพราะว่ามีคนอื่นที่เราชอบอยู่แล้ว ในใจ ในหัวคิดว่าเราน่าจะคบกับอีกคนหนึ่งแน่นอน แต่มันมีจุดเปลี่ยนในชีวิตของเราสองคน เหมือนวันนั้นคิดว่ามันจะจบแล้ว
พีเค : ตอนแรกก็ทะเลาะกันเยอะ เพราะว่าอายุเราห่างกัน 14 ปี โยจะเป็นอย่างงี้ เด็กวิศวะจุฬาฯ จะมั่นใจในตัวเอง เอาอารมณ์ตัวเองขึ้นก่อน เราเป็นลูกคนเล็กอารมณ์เราขึ้นก่อนคนอื่นเหมือนกันก็เลยชนกันตลอด
โยเกิร์ต : คือก่อนหน้านั้นที่พี่พีเคพยายามจีบตลอดก็คุย แต่โยปิดตัวเอง คือคุยเล่นแต่ไม่ได้เปิดใจ ไม่ได้รับ ด้วยความที่โยไม่ได้เปิดใจให้เขาเลย โยปิดประตูใส่เขาตลอดมันก็เลยทำให้เราสองคนทะเลาะ
พีเค : วันนั้นนัดเขา สุดท้ายแล้วคิดว่าถ้าไม่เวิร์กพี่จะกลับไปหาคนเก่า ปรากฎว่าวันนั้นพี่ก็ไปกับตุ๊กตาหมี
โยเกิร์ต : คือก่อนหน้าที่คบกับพี่พีเคคือเป็นผู้หญิงอ๊องๆ ชอบคุยกับตุ๊กตา เราก็รู้สึกว่ามันไม่น่าใช่เรื่องที่พี่พีเคจะเข้าใจว่าแบบคุยกับตุ๊กตาได้ แล้ววันหนึ่งที่คิดว่าจะไม่เอา จะทิ้งตรงนี้ไปแล้ว เขาก็เดินเข้ามาพร้อมกับตุ๊กตาหมี เราก็เลยคิดว่าเขาเข้าใจเรา เรื่องนี้มันอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขามากๆ แต่เขาทำให้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขา เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเขาได้ มันก็เลยเป็นจุดเปลี่ยนของเรื่อง เริ่มเปิดรับแล้วก็ลองศึกษาผู้ชายคนนี้ดู
พอคบกันแล้วเป็นยังไงบ้าง?
พีเค : ก็ดี พอเราเริ่มคุยกันจริงจังมันก็เริ่มดีขึ้นๆ แต่พี่ก็มีอาถรรพ์ของพี่ ปีครึ่ง น้าเน็กเคยบอกว่าพีเคย่อมาจากปีครึ่ง คือคบใคร คบไม่เกินปีครึ่งก็เลิกกัน พอถึงปีครึ่งผมพาไปนิวยอร์กเลยเพราะว่าใครก็ตามที่ผมพาไปนิวยอร์กแฟนเก่าเนี่ยกลับมาถึงปุ๊บเลิกทุกคน แต่คนนี้ดี กลับมาถึงเราก็ลังเล มีไรเปล่า จะทะเลาะไหม ไม่มี แล้วดีมาตลอดจน 2 ปี แล้วก็เริ่มมาเรื่อยๆ
เพราะเรายอมด้วยหรือเปล่า?
พีเค : ด้วย จาก 100% ไม่เคยยอมใครเลย จนยอมเขา 50%
ทำไมถึงตัดสินใจแต่งงานทั้งที่พี่เป็นคนที่กลัวมาก?
พีเค : ก็ตั้งแต่ที่คบกับเขามาจนตอนนี้เป็น 8 ปีแล้ว เศษหนึ่งส่วนสี่ของชีวิตเขา เขามาอยู่กับพี่ เราก็เลยคิดว่า กลัวนะกลัวการแต่ง
ทำไมคุณถึงกลัวการแต่งงาน?
พีเค : ตั้งแต่เด็กที่ผมเห็นรอบข้าง รอบข้างไม่เคยมีครอบครัวไหนที่รอด แล้วมีความสุขจริงๆ กับการที่ได้แต่งงานกับอีกคนหนึ่ง สำหรับผมนะ ผมเห็นมาอย่างนี้ตั้งแต่เด็กจนโตก็เลยรู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่ต้องแต่งก็ได้ ตราบใดที่มีงาน มีเงิน เราหาความสุขให้กับเราและคนข้างๆ ได้ แต่สำหรับโย การแต่งงานคือสำคัญ เขาเป็นผู้หญิงอีกหนึ่งคนที่อยากใส่ชุดแต่งงาน อยากมีงาน เราเลยคิดว่าเอาความสำคัญเขามาใส่มากกว่าความสำคัญตัวเองดีกว่า
เลยตัดสินใจทั้งที่กลัวมากแล้วก็เป็นการวางแผนที่ดีในการขอแต่งงาน ทำไมต้องเลือกที่มัลดีฟส์?
โยเกิร์ต : จริงๆ ต้องบอกว่าไปมัลดีฟส์ครั้งนั้นไม่ได้เป็นความตั้งใจของเราสองคน แต่เราสองคนถูกเชิญไป นั้นคืออีกหนึ่งเหตุผลที่ทำไมโยถึงไม่รู้ตัวเลยว่าพี่พีเคจะขอแต่งงานที่มัลดีฟส์
พีเค : ตอนแรกผมอยากจะเอาครอบครัวเขากับผมมาลงเรือที่เจ้าพระยา เป็นคนชอบน้ำ บ้านก็ติดน้ำ คอนโดก็ติดน้ำ แต่ก็ไม่เกิดขึ้น และอยู่ดีๆ เขาก็เชิญไปโรงแรมที่มัลดีฟส์ ก็เลยอีเมลส่วนตัวไปหาเมเนเจอร์ บอกว่า ถ้าไอจะขอโยแต่งงานยูมีที่ไหนแนะนำบ้าง เขาก็เลยบอกว่าเข้าพักห้องแล้วก็ลงเรือขับไปชั่วโมงหนึ่งที่ขอบฟ้ากับขอบน้ำมันเป็นเส้นเดียวกันแล้วขอตรงนั้น
พอขอเสร็จปุ๊บขึ้นเรือมา มันเป็นยังไงบ้าง?
พีเค : มันก็ดี มันก็โล่ง พอลงในโซเชียลทุกคนก็เข้ามาแฮปปี้ ถ้าถามว่าดีแบบไหนก็คือเอาจริงๆ ตั้งแต่ที่คบกันเถียงกัน 2 ครั้ง ที่เหลือจะไม่มีเถียงกันเลย ด้วยความที่เขาอายุเท่านี้ เราอายุเท่านี้เราผ่านอายุเขามาแล้ว เราเข้าใจเลยว่าเขากำลังผ่านอะไรอยู่ เพราะฉะนั้นเวลาหงุดหงิดอะไรขึ้นมาแทนที่ผมจะปรี๊ดใส่ ทำไมไม่เป็นแบบนี้ แล้วเขาใส่ว่าไม่เป็นแบบนี้ พอเขาปรี๊ดมาเราจะนิ่งๆ แล้วคอยฟังว่าทำไมเป็นแบบนั้น แล้วสักพักเขาก็จะหยุดนิ่ง สงบอยู่ที่ศูนย์เหมือนเดิม
คุณทะเลาะกันเรื่องใหญ่ไหม?
โยเกิร์ต : มีใหญ่บ้าง แต่ส่วนใหญ่น้อยมาก มันเป็นเรื่องของการปรับตัวมากกว่า
แล้ว 2 ครั้งที่หนักๆ มีหวิดเกือบเลิกกันไหม?
โยเกิร์ต : มีเคยเกือบเลิกกันครั้งหนึ่ง จำเหตุการณ์ไม่ได้ จำได้แค่เกือบเลิกกัน
พีเค : จำไม่ได้จริงๆ คือ 8 ปี ทุกวันไม่ได้ทะเลาะกัน ทุกวันคือยิ้มกันอย่างนี้ จำได้ว่ามีหงุดหงิดแต่ว่าช่วงเวลาแป๊บเดียวเราก็หาย
เขาเป็นคาสโนว่าตัวพ่อ เคยมีใครมาเตือนเราไหม?
โยเกิร์ต : เยอะค่ะ ก่อนหน้านี้พี่พีเคก็มีข่าวเรื่องผู้หญิงเยอะ ทุกคนที่พอรู้ว่าพี่พีเคจีบอยู่ทุกคนก็จะพูดไม่ อย่าเลย ถึงขนาดพี่สาวแท้ๆ โยยังพูดกับโย ปกติพี่จะไม่พูดกับโยเรื่องแบบนี้ พี่โยยังเอ่ยปากพูดว่าอย่าเลย
แล้วเราหวั่นไหวไหม?
โยเกิร์ต : อย่าเรียกว่าหวั่นไหว เราต้องฟังหูไว้หู เราต้องฟังความทั้งสองด้าน อะไรที่คนอื่นเตือนมาเราก็ฟัง แต่ว่าเราก็ต้องดูพฤติกรรมของเขา สิ่งที่อยู่ต่อหน้าเราด้วย คือมีน้อยคนที่จะรู้ว่าพี่พีเคตอนที่คบกัน 2 ปีแรก พี่พีเคขับรถไปส่งโยที่บ้านทุกวัน ขับรถโยไปส่งที่บ้านทุกวันแล้วเขาก็จะเรียกแท็กซี่กลับบ้าน
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก