หลังสูญเสียคุณพ่อโสภณ พัชรวีระพงษ์ ด้วยป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก และมีภาวะแทรกซ้อน ล่าสุด แตงโม นิดา เปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow พร้อมอัปเดตสถานะหัวใจ
เป็นยังไงบ้าง?
แตงโม : ตอนนี้ทำใจได้เยอะแล้วนะคะ ตอนนี้คุณพ่อจากไปประมาณ 2 อาทิตย์ จริงๆ ก็เริ่มทำใจมาเรื่อยๆ ตั้งแต่คุณพ่อป่วย เพราะคุณหมอบอกไว้แล้วว่าจะอยู่ได้แค่ประมาณเดือนเดียว
ท่านรู้ไหม?
แตงโม : รู้ค่ะ เขาก็ทรุด เพราะว่าใจเขาจะแบบพอรู้ว่าตัวเองเป็นหนักใจเขาจะค่อนข้างอ่อนแอ เหมือนแบบท้อ
เราทำใจได้แล้ว แต่เราก็ยังอยู่คนเดียวไม่ได้?
แตงโม : ยังอยู่คนเดียวไม่ได้ค่ะ คือ อยู่คนเดียวแล้วคิดถึงพ่อมากเลย มันไม่มีที่ปรึกษาแล้ว มันไม่มีคนคุยด้วยแล้วในเรื่องราวต่างๆ ไม่มีคนแชร์ประสบการณ์ ก็มีเหงาคิดถึงพ่อ ทุกวันนี้ต้องขอบคุณเพื่อนๆ ที่เวียนมาอยู่ด้วย
ซื้อบ้านติดกับคุณพ่อ แล้วเวลากลับไปเห็น?
แตงโม : ตอนนี้รู้สึกว่าบ้านสองหลังติดกัน เมื่อก่อนนี้มันเคยพอดี ตอนนี้พอคุณพ่อไม่อยู่ แฟนคุณพ่อก็ออกไปด้วย เหลือเราคนเดียวแล้วบ้าน 2 หลัง มันว้าเหว่มากเลย
แล้วตอนนี้อยากขายไหมสักหลัง?
แตงโม : จริงๆ รักบ้านหลังนี้มาก เป็นทาวน์โฮมติดกันแล้วก็เจาะทะลุ อาจจะทำเป็นสตูดิโอก็ได้ให้คนมาเช่าถ่ายรูป
คุณแม่เป็นยังไงบ้าง?
แตงโม : คุณแม่พอๆ กันค่ะ อาจจะทำใจไม่ค่อยได้เท่าโม คุณแม่ค่อนข้างอ่อนไหว เขาเหมือนยังคิดถึงอยู่ ยังทำใจไม่ได้ที่พ่อจากไปเร็ว
การที่เราสูญเสียคุณพ่อไป มันมีผลต่อโรคซึมเศร้าเราไหม?
แตงโม : ตอนแรกคิดว่ามันจะมีแบบเยอะๆ เลยนะ แต่มันไม่มี ตอนแรกโมคิดว่าโมต้องตายแน่เลย โมไม่รู้จะอยู่ไปเพื่อใคร แต่พอเอาเข้าจริงๆ คริสเตียนเราเชื่อว่าถ้าใครที่เสียชีวิตแล้ว จะได้อยู่พระสวรรค์ พอเรารู้อยู่แล้วว่าพ่อเราเสียแล้วไปอยู่กับพระเจ้า เราก็เลยไม่รู้จะเศร้าไปทำไม ไม่รู้จะเสียใจไปทำไมนานๆ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าวันหนึ่งเราจะกลับไปเจอกันที่นั่น
ตอนที่ท่านมารายการ ท่านยังดูแข็งแรงอยู่เลย?
แตงโม : ทรุดเร็วมาก โมก็ยังตกใจเหมือนกัน เขามีโรคแทรกซ้อน มีปอดรั่ว วันหลังๆ เริ่มปัสสาวะเป็นหนอง เริ่มหายใจไม่ออก เริ่มตัวร้อน เห็นท่าไม่ดีก็เลยส่งโรงพยาบาล แล้วอยู่ได้ 2 วันคุณพ่อก็ไป
มะเร็งลามไปถึงกระดูก?
แตงโม : ใช่ ช่วงสุดท้ายที่คุณพ่ออยู่บ้านเป็นเหมือนผู้ป่วยติดเตียงแล้ว ไม่สามารถขยับได้ เพราะเขาเจ็บกระดูกมากต้องใช้อุ้มกันเลย เขาบอกเขาเจ็บไปทั้งตัวเลย เขายอมแพ้แล้วไม่ไหว
หลังจากที่รู้ว่ามีโรคเข้ามาแทรกซ้อน พ่อได้พูดอะไรกับเราไหม?
แตงโม : ไม่ได้พูดค่ะ เขาจะเงียบๆ คือช่วงที่เขาป่วยติดเตียงเขาจะกึ่งความจริง กึ่งความฝัน เขาจะมีอาการเบลอแล้ว จะเล่าอะไรไม่ค่อยถูก
คิดไหมตอนที่พ่อไปโรงพยาบาลนั่นจะเป็นครั้งสุดท้าย?
แตงโม : ไม่คิดค่ะ คิดว่าเดี๋ยวกลับมา โมคิดว่าพ่อน่าจะอยู่เป็นปีๆ เพราะบางวันพ่อก็สุขภาพแข็งแรงขึ้นมาก วันที่ไปให้เลือดก็รู้สึกดีมาก
เขาเริ่มคุยกับเราไม่รู้เรื่องตอนไหน?
แตงโม : ช่วง 2 เดือนสุดท้าย เขาจะเอาความฝันเขามาเล่าละ มีคนตามฆ่าบ้าง มีอะไรอย่างนี้บ้าง มีคนปองร้ายเขา
เห็นว่าคุณโมได้เซ็นกับโรงพยาบาลไว้ด้วย ถ้าคุณพ่อไปไม่ต้องกระตุ้นด้วยยา?
แตงโม : ใช่ค่ะ เพราะว่าคุณพ่อทรมานหนักมากแล้ว ตอนหลังหลับไปแทบจะไม่รู้เรื่องแล้ว เหมือนยื้อให้เขาทรมานอยู่ด้วยเครื่องแล้ว โมก็เลยมีความรู้สึกว่าถ้าจะทรมานขนาดนี้ให้ไปอยู่กับพระเจ้าดีกว่า แล้วคุณพ่อเคยบอกนานแล้วว่าถ้าวันหนึ่งคุณพ่อถึงวัยชราแล้วป่วย คุณพ่อบอกไม่ต้องยื้อเขาไว้เลย ให้เขาไปดีๆ ดีกว่า แล้วเขาก็จากไปอย่างสงบ
ตอนที่เซ็นร้องไห้ไหม?
แตงโม : โห...ก็ไม่ยอมเซ็นอยู่รอบหนึ่ง คือโรงพยาบาลให้ไปเซ็นใช่ไหมคะ ครั้งแรกเนี่ยไม่ยอมเซ็น มันเหมือนในใจเราคิดว่าเราฆ่าพ่อหรือเปล่าวะ เราเป็นคนสั่งอนุญาตฆ่าพ่อหรือเปล่า รู้สึกอย่างนี้ก็เลยไม่เซ็น แต่พอตอนหลังไปเห็นสภาพเขานอนหายใจเหนื่อย ก็รู้สึกว่าคุณพ่อทรมานมากแล้ว พ่อมีไตวายเฉียบพลันด้วย แล้วก็ติดเชื้อในกระแสเลือดแล้วด้วย ติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะด้วย ก็คือข้างในไปหมดแล้วก็เลยไม่รู้ว่าจะยื้อไว้ทำไม เหมือนคุณพ่อก็จะรอให้ทุกคนมาเยี่ยมพร้อมกันหมด เหมือนเขาจะลืมตา ไม่รู้ว่ารับรู้หรือเปล่า แต่ว่า 6 ชม.แล้วแกก็ยังไม่ไปสักที ขณะที่ถอดสายยาง ไม่ได้ให้ยาช่วยแล้ว ก็ไม่ไปสักที เราก็เลยกลับบ้านกันมาประมาณ 5 ทุ่ม เพราะคุณหมอบอกว่าพ่อจะไปคืนนี้
พอคุณหมอบอกแบบนี้เราใจปิ้วไหม?
แตงโม : เห็นจากสภาพแล้วไม่ปิ้วนะคะ เพราะว่าคุณพ่ออาการหนักมากจริงๆ แต่ 6 ชม.แล้วยังไม่ไปเลยคะ เราก็เลย คุณพ่อสู้มากเลย กลับบ้านกันมาช่วง 5 ทุ่ม เพราะว่าคุณป้าเขาจะเหนื่อยละ พอนั่งลงปุ๊บโรงพยาบาลโทรมาว่าคุณพ่อเสียแล้ว ไปไม่ทัน
เสียดายไหม?
แตงโม : เสียดายคะ แป๊บเดียวเอง เหมือนท่านรอ ในรูปจะเห็นเลยว่าคนเยอะมากจริงๆ
\r\n
เหมือนตั้งใจไม่ให้ใครเห็นตอนท่านไป?
แตงโม : ใช่ค่ะ เพราะโมเองก็ไม่ได้อยากเห็นเฮือกสุดท้ายของพ่อ โมกลัวว่าภาพจะติดตา เฮือกสุดท้ายที่หยุดหายใจ
เปิดประตูไปพ่อไม่หายใจแล้ว?
แตงโม : ใจหวิวค่ะ ก็ไม่มีแล้วเนอะพ่อเรา ณ โมเมนต์นั้นถามตัวเองว่าอยากย้อนเวลากลับไปทำอะไรให้พ่อไหม คำตอบคือไม่มี โมคิดว่าโมทำดีที่สุดแล้ว โมเลยรู้สึกว่าโมสบายใจ
ในช่วงเวลาที่ท่านสั่งเสียได้ ท่านบอกอะไรไหม?
แตงโม : ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการดูแลตัวเองมากกว่า เรื่องของการรักษาสุขภาพ แล้วอีกเรื่องหนึ่งที่คุณพ่ออยากเห็นคือใบปริญญา เหลืออีกแค่ 2 เทอมก็จะจบแล้ว ไม่ทัน โชคดีที่ทันวันเกิด แต่ไม่ทันวันรับปริญญา เสียดายมากๆ
ตอนนี้ถ้าคุณพ่อรับรู้ได้เราอยากจะบอกอะไรคุณพ่อ?
แตงโม : คำเดียวสั้นๆ คิดถึงมากๆ คิดถึงพ่อ
คิดถึงขนาดเอากระดูกท่านแปะตู้เย็น?
แตงโม : คือเอาส่วนหนึ่งที่จะเอาไปลอยอังคาร ต้องบอกก่อนว่าคริสเตียน ปกติเขาจะใช้ฝัง แต่ด้วยความที่บ้านเราสถานที่ฝังมันจะแพงหน่อย แล้วหายาก ทีนี้ก็จะมีการเผาเกิดขึ้นมาในยุคใหม่ แต่ว่ากระดูกเราจะเอาไปใส่คอนโดของคริสจักร ส่วนหนึ่งก็จะเอาไปฝังพร้อมอากง อาม่าที่ภูเก็ต คุณพ่อเขาอยากกลับไปอยู่กับอากง อาม่า เราก็แยกส่วนไป แล้วอันนี้โมก็ไปเปิดดูอันที่เขาจะเอาไปลอยอังคาร โมก็หยิบเฉพาะชิ้นที่ดีๆ มา แล้วมาแปะที่ตู้เย็นแล้วก็บอกรักนะทุกวัน คิดถึงนะทุกวัน
ทำไมต้องตู้เย็น?
แตงโม : มันเห็นชัดค่ะ เพราะว่าเวลาโมนั่งองศาโมมองตู้เย็น
ในงานศพของคุณพ่อคุณแต๊งค์ แฟนเก่าเขาไปร่วมงานด้วย?
แตงโม : ใช่ต้องขอบคุณ คุณแต๊งค์ แล้วก็ครอบครัวคุณแต๊งค์ด้วย มากันทั้งบ้านเลย ต้องขอบคุณตั้งแต่ช่วงที่คุณพ่อยังป่วยอยู่ ได้สนับสนุนเครื่องช่วยหายใจจากคุณแม่เจกับแต๊งค์นี่แหละค่ะ เขาซื้อให้ในฐานะของคนที่เคยสนิท แต่อนาคตจะสนิทหรือเปล่าไม่รู้นะ
เขาก็มีแฟนแล้วใช่ไหม?
แตงโม : ตอนนี้โสดค่ะ ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน มีอะไรเขาก็ช่วยเหลือเราตลอด
อดีตแฟนเก่าคนอื่นๆ มีมาร่วมงานบ้างไหม?
แตงโม : ไม่มีค่ะ มีแต่ส่งดอกไม้มาเป็นพวงหรีดมา
เรื่องความรักปิดไหม?
แตงโม : ไม่ปิด ตอบได้
ตอนนี้ไม่คบเด็กแล้ว?
แตงโม : ไม่คบเด็กแล้ว เพราะว่าคุยกันคนละภาษา เรื่องความไม่เข้าใจกันมันจะมีเยอะ เหมือนประสบการณ์เขาก็ยังน้อยไม่ค่อยเข้าใจในโลกของเรา ในสิ่งที่เราทำ
คนใหม่นี่อายุน้อยไหม?
แตงโม : เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งรวบรัดว่าเป็นคนใหม่สิ
คนที่คุยอยู่ตอนนี้ประมาณเท่าไหร่?
แตงโม : รุ่นราวคราวเดียวกัน บวก ลบ สอง เอาจริงๆ แล้วเด็กกว่าก็ได้ แต่ขอให้เด็กคนนั้นเป็นคนที่มีวุฒิภาวะสูง เป็นคนที่เป็นผู้นำได้ดี มีระเบียบวินัย อย่างนี้โอเค แต่ไม่มี หาไม่เจอ
คนที่คุยอยู่ตอนนี้ในวงการหรือนอกวงการ?
แตงโม : นอกค่ะ
แสดงว่าเขามีธุรกิจของตัวเอง?
แตงโม : ใช่ค่ะ เขาเป็นพ่อค้า
เขาน่ารักยังไง?
แตงโม : เขาเป็นห่วงเราโดยที่ไม่หวังอะไร เราจะรู้เลยว่าเขามาเพื่อเทคแคร์เรา ไม่หวังอะไรจากเราจริงๆ
เขาเข้ามาคุยกับเรายังไง?
แตงโม : ก็คือจริงๆ เราเคยเจอกันเมื่อ 8 ปีที่แล้วในห้าง ห้างหนึ่ง เพื่อนคนกลางก็มีการแลกไลน์กันให้เรา แล้วหลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คุยกับเขา หายไปเลย แล้วพอล่าสุดที่เราเลิกกับแฟน เขาก็เสิร์ชไอจีเรา ด้วยความมั่วของตัวเองเสิร์ชเจอ เพราะโมตั้งไพรเวทไว้ เสิร์ชเจอไลน์ของเราได้ยังไงไม่รู้ เขาบอกลองหลายทีแล้วมันไม่ได้ พอเจอเขาก็ถามว่าทำอะไรอยู่ จำเราได้หรือเปล่า เราก็บอกจำได้ ก็เขาบอกสถานที่ที่เคยเจอกันมา
แล้วมันสานต่อยังไง จนมีทุกวันนี้?
แตงโม : ก็มนต์รักน้ำเต้าหู้มั้งคะ เขาซื้อมาให้กินบ่อย
ก่อนหน้านี้เคยพาไปเจอคุณพ่อหรือยัง?
แตงโม : ไม่ทันค่ะ แต่เราเพิ่งคุยกัน ไม่เกิน 3 เดือน
แล้วจากเพื่อนคนสนิทจะเปลี่ยนให้เป็นแฟนจะทำยังไงบ้าง?
แตงโม : อย่าเพิ่งค่ะ ไม่รีบ ใจเย็นๆ รอไปจนกว่าโมจะดูแลเขาได้จริงๆ คือตอนนี้เขาดูแลโมฝ่ายเดียวเลย คือตอนนี้โมรู้สึกเข็ดกับความรัก โมเลยมาโฟกัสความรักแล้ว แล้วโมก็ปล่อยให้เขาดูแลโมอยู่ฝ่ายเดียว โมขอบคุณเขาตลอดเวลา แต่ว่าโมแทบไม่ได้ทำอะไรให้เขาเลย แต่เขาคงเข้าใจว่าโมอยู่ในช่วงที่เพิ่งเสียคุณพ่อด้วย โมเลยไม่ได้โฟกัสเรื่องความรักเลย
สวยด้วย ตอนนี้เริ่มมีคนคุยแล้ว เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะมีเบบี๋ก็ไม่ใช่เรื่องยาก?
แตงโม : ก็ยากค่ะ
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก