“พระมหาเทวีเจ้าแห่งเมืองทิพย์” หรือ แม่หญิงลี และ “อีทิพย์” เน็ตไอดอลแดนใต้ อย่างล้นหลามทำเอาหัวลำโพงแทบแตก พร้อมเปิดใจถึงวินาทีที่ได้รับเงินจาก พชร์ อานนท์ พร้อมเคลียร์ข่าวสร้างภาพอยู่เมืองกรุงไม่วีนเหมือนอยู่เมืองทิพย์
รู้ตัวว่าดังตั้งแต่เมื่อไหร่
แม่หญิงลี : รู้ตัวและประทับใจมากที่สุดเมื่อตอนที่รถไฟเทียบชานชาลาหัวลำโพง ปรากฏการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตอนนั้นรู้สึกปราบปลื้มปีติใจบอกไม่ถูก เพราะนึกไม่ถึงว่าเราจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร และปรากฏการณ์แบบนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตเขาเลย พอหันไปมองทางโน้น หันไปมองทางนี้ก็เห็นเยาวรุ่นเมืองทิพย์เต็มไปหมด ขอขอบคุณน้องๆ ที่ไปที่หัวลำโพง ถามว่ารู้ว่าตัวเองดังไหม คือเราไม่รู้ คือเอฟซีอาจมีแวะเวียนกันไป ซื้อของไปให้บ้าง แวะไปเยี่ยมบ้าง แต่มันก็ไม่ได้ถล่มทลายเหมือนที่นี่ เห็นแล้วช็อกเลย ประหม่าตัวเองมาก
เมื่อวาน “อั้ม” พัชราภา ได้วิดีโอคอลหารู้สึกอย่างไรบ้าง
แม่หญิงลี : มีความดีใจมาก เพราะไม่เคยคิดฝันว่าจะได้คุยจะคุยกับดาราท็อปหนึ่งในดวงใจของเรามาตลอด 37 ย่างเข้า 38 ปีไม่เคยคิดฝันเลยว่าจะได้คุยกับดาราที่เราชอบ คุณอั้มถามว่าสบายดีไหม มีความสุขดีไหม คือเราก็ประทับใจมาก เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้คุยกันจริงๆ คือคุณอั้มสวยมาก นัมเบอร์วันจริงๆ ที่เราชอบคุณอั้มเพราะความสวยก็ได้รูปร่างก็เป๊ะ และอีกอย่างหนึ่งคือการแสดงแต่ละครั้งของเขาตีบทแตกและสมบทบาทมาก รู้สึกปลื้มมากเพราะเขาก็เป็นแรงบันดาลใจให้เรามาแสดงเป็นตัวละครในเพลิงพระนาง มีความซาบซึ้งมาก ถ้าเขามีผลงานเราก็ขอติดตามต่อไปอีก
ทิพย์ : ทิพย์ไม่ได้คุย แต่อยู่ด้วยกันก็ดีใจมาก
มากรุงเทพกี่ครั้งแล้ว
แม่หญิงลี : มาครั้งก่อนตอนกราบพระศพในหลวงรัชกาลที่ 9 และก็ครั้งที่มาหัวลำโพงนี่คือครั้งที่สอง ถามว่าชีวิตเปลี่ยนไปไหม ก็เปลี่ยนไป แต่เรายังใช้คติรูปแบบเดิม เปลี่ยนไปแค่รูปร่างหน้าตาของเรา
เชื่อไหมว่าที่เราประสบความสำเร็จเพราะนับถือ หน้ากากพรานบุญ
แม่หญิงลี :โดยส่วนตัวเราเป็นเชื้อสายของมโนราห์ แม่หญิงลีมีความเชื่อเรื่องหน้ากากพรานบุญมาก เพราะตั้งแต่แม่หญิงลีลืมตาอ้าปากมา ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ทางเครือญาติก็พาไปฝากกับมโนราห์ ซึ่งมันก็ทำให้เราใกล้ชิดกับการแสดงมโนราห์ ทำให้ใกล้ชิดกับตาพรานบุญหรือหน้ากากพรานบุญ ทุกวันนี้ก็ยังรำมโนราห์ได้
ทราบมาว่าพชร์ อานนท์ ติดต่อ แม่หญิงลีไปแสดงภาพยนตร์
พชร์ : คือติดต่อตั้งแต่แม่หญิงลีจะมากรุงเทพแล้ว ที่ติดต่อไปเพราะเราชอบเขา ชอบคาแรกเตอร์เขา เพราะหอแต๋วแตกต้องมีอะไรโดดเด่น แล้วเราดูคลิปเขาเล่นกัน 2 คน บางทีเราดูแล้วเราก็สนุกดี มันสร้างสีสันให้หอแต๋วแตกได้ คือเราติดต่อไปตั้งแต่เขามารถไฟ คือเราจะถ่ายวันที่ 8 และ 10 ซึ่งเขาก็ไลฟ์อยู่ว่ากำลังจะไปกรุงเทพ ซึ่งตอนนั้นเรากำลังเตรียมงานอยู่ วันที่ 8 ก็เลยให้เขาพักผ่อนไปก่อน และเริ่มถ่ายทำวันที่ 10 คือเราไม่ได้เกาะกระแสเขานะ เราชวนเขามาเล่นก่อน ตอนแรกก็สงสัยว่าทำไมไม่มาเครื่องบินเพราะนั่งรถไฟมันเหนื่อย มันนั่งเกือบวัน
\r\n
ทำไมไม่นั่งเครื่องบิน
แม่หญิงลี : นั่งรถไฟมันสะดวกกว่า ตอนที่คุณพชร์ติดต่อมาก็ยินดีนะเพราะเป็นครั้งหนึ่งในประสบการณ์ชีวิต ในเมื่อเขาให้โอกาสมาแล้วเราก็ต้องคว้าเอาไว้ให้ได้ เพราะโอกาสมันไม่ได้มาง่ายๆ
เห็นว่ามอบเงิน 50,000 ให้แม่หญิงลี
พชร์ อานนท์ : ใช่คือเรารู้ว่าคุณแม่เขาไม่ค่อยสบาย ทั้งตาและอะไรหลายๆ อย่าง คือเราช่วยอยู่แล้ว คือเราเป็นคนชอบช่วยเหลือ ก็เลยให้หญิงลี 50,000 อันนี้ไม่รวมค่าตัวนะ คือเราชอบคนที่กตัญญูและรักพ่อแม่ตัวเองมาก ก็คุยกับผู้จัดการเขาว่าให้เก็บเงินไว้เยอะๆ แล้วค่อยไปรักษาแม่
แม่หญิงลี : สิบนิ้วของแม่หญิงลีก็ขอกราบขอบพระคุณอย่างยิ่ง เพราะในชีวิตนี้ไม่เคยได้ของขวัญแบบนี้เลย กลับไปก็จะพาคุณแม่ไปผ่าตัดต้อกระจกตา และรักษาเรื่องหัวเข่า ส่วนเรื่องค่ารักษาตอนนี้ ยังอยู่ในช่วงเก็บออม แต่ถ้าเรามีแรงใจและมีงานเข้ามา เราก็ไม่เกี่ยง ขอให้ได้ทำงานและเก็บเงินเพื่อจะนำไปรักษาคุณแม่ และเอาไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของตัวเองด้วย
เราใส่ใจเรื่องวงการบันเทิงแค่ไหน
แม่หญิงลี : ตอนนี้ไม่ค่อยใส่ใจอะไรเท่ากับเราต้องกลับไปดูแลคนในครอบครัวของเรา
ทิพย์ : ก็ไม่ได้วางแผนอนาคตไว้ แต่ก็จะทำวันนี้ให้ดีที่สุด
ขอบคุณข้อมูลและคลิปจาก
คุยแซ่บSHOW