จากกรณีของนักแสดงสาวชื่อดัง แตงโม นิดา ที่พลัดตกเรือสปีดโบ๊ท เมื่อวันที่ (24 กุมภาพันธ์ 65) ที่ผ่านมา แต่ถึงตอนนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถปิดสำนวนคดีนี้ได้ อีกทั้งยังมีหลักฐานใหม่โผล่ออกมาให้เห็นทุกวัน รวมไปถึงประเด็นดราม่าร้อนหลัง แม่แตงโม ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่อง ทนายความส่วนตัว ที่มีคดีความและได้พูดพาดพิงไปยัง คุณพ่อโส คนที่ แตงโม รักมากที่สุดด้วย
ล่าสุด อดีตคนรักเก่า อย่าง แต๊งค์ พงศกร และ เพื่อนสนิทอย่าง อะตอม สัมพันธภาพ ได้ออกมาเปิดใจพูดถึงประเด็นดังกล่าว ในรายการ คุยแซ่บ Show ที่มี 2 พิธีกรดัง หนิง ปณิตา และ ธัญญ่า ธัญญาเรศ ทำหน้าที่เป็นพิธีกร โดยช่วยหนึ่งของรายการ ได้ออกมาพูดถึงประเด็น แม่แตงโม ที่ออกมาปกป้องทนาย แต่กลับขุดคุ้นอดีต พ่อโส พ่อของแตงโม ทำให้ทั้ง แต๊งค์ และ อะตอม ไม่พอใจอย่างมาก
พอคุณแม่พูดประโยคนี้มันทำให้คุณทั้งคู่ไม่พอใจ ?
แต๊งค์ พงศกร : ผมเขียนไปในโพสต์ของผมชัดเจนแล้วว่า แม่จะต่อว่า หรือตอบโต้ใครก็ได้ แต่ขออย่างเดียว อย่าให้คุณแตงโมและคุณพ่อโสเสียหาย เพราะว่าตอนนี้ประเด็นที่มันเกิดขึ้นอยู่ทุกวัน แล้วคนมาช่วยติดตาม จุดศูนย์กลางของเรื่องคือคุณแตงโมไม่ใช่คุณแม่นะครับ คุณแม่กำลังเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของทุกเรื่อง เป็นคนที่มีสิทธิ์ออกมาเรียกร้องทุกอย่าง
แต่อย่าลืมว่าคุณแม่ไม่ใช่คนเดียวที่สูญเสียนะครับ น้องโมเป็นคนที่มีคนติดตามทั่วประเทศ มีเพื่อนสนิท มีเพื่อนที่รัก แล้วยังมีญาติ ๆ คนอื่นนะครับ เพื่อนฝูงที่รักเขาก็มีความรู้สึกสูญเสียเช่นเดียวกัน ทุกคนอยากมีสิทธิ์ที่จะเข้าไปช่วย ไปทวงความยุติธรรมให้โม แต่คุณแม่มาอ้างสิทธิ์เป็นของตัวเองแต่เพียงผู้เดียว แล้วคุณแม่ก็ได้สิทธิ์นั้นตามกฎหมาย สงสารความรู้สึกของคนอื่น ทุก ๆ คนครับ แล้วก็มากที่สุดเลย สงสารความรู้สึกของคุณแตงโม
เพราะถ้าแตงโมอยู่ แตงโมก็ไม่อยากได้ยินประโยคนี้ อย่างน้อย ๆ บุคคลที่ล้มละลายก็เป็นคนที่เลี้ยงน้องมา ไม่เคยทิ้งน้องเลย จนวันสุดท้ายของชีวิต ?
แต๊งค์ พงศกร : คนล้มละลายไม่ผิดนี่ครับ ไม่ได้ผิด ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย มันคนละเรื่องกับฉ้อโกงนะ คุณแม่ออกมาปกป้องทนายแล้วจะต่อว่าหรือตอบโต้ยังไงก็ได้ จะพูดแก้ต่างให้คุณทนายยังไงก็ได้ แต่ทำไมเลือกที่จะแดกดันคุณพ่อโส ทำไมเลือกที่จะไปแดกดัน ไปแซะคุณพ่อแตงโม ประเด็นนี้ทำให้ผมรู้สึกไม่โอเคเลย
พี่แต๊งค์โพสต์ถึงคุณแม่ แสดงว่าลึก ๆ รู้ในความสัมพันธ์ของแตงโมกับคุณแม่ ?
แต๊งค์ พงศกร : มันไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่รู้นะครับ มีบรรดาเพื่อนที่เคยสนิทกับโม ใครที่รู้จักกับโมในช่วงแรก ๆ อย่างเช่นพี่ช่างแต่งหน้าหลาย ๆ คน เพื่อน ๆ ที่เคยอยู่ด้วยกันสมัยนั้น แม้กระทั่งคุณอะตอมเองก็จะรู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณแม่กับคุณแตงโมเป็นยังไง
\r\nทางอะตอมก็ได้โพสต์เหมือนกัน ?
อะตอม สัมพันธภาพ : ผมโพสต์ถึงคุณแม่แหละครับ ว่าทำไมเมื่อก่อนตอนเด็กเนี่ย ตอนที่โมเกิดมา ตอนที่เขายังไม่รู้ช่วง 3 ขวบเนี่ย คุณพ่อพาลูกไปเช่าบ้าน คุณพ่อเป็นนักข่าว ตอนนั้นคุณแม่ไปไหน แล้วตอนที่โมได้งานทำเยอะ ๆ ได้เป็นนางเอกละคร ตอนนั้นเราเป็นเพื่อนสนิทเอง โมมันได้รับงานมาจากตัวมันเอง คุณแม่ไปไหน ที่เราโพสต์ไป เราไม่ได้มีอคติอะไรกับคุณแม่เลยนะ เราพูดจากความเป็นจริง จากสิ่งที่เราพบว่าแม่ไปไหน แต่มาในวันนี้ เพื่อนเราเสียเนี่ย ทำไมแม่ถึงแอ็กชั่นว่าคนนั่นต้องหยุด คนนี้ต้องหยุด ทั้ง ๆ ที่คนคนนั้นไปช่วยลูกที่เสียชีวิตของคุณแม่อยู่
ฟังจากนัยยะของอะตอมกับแต๊งค์เอง หรือเพื่อน ๆ อีกหลาย ๆ คนที่ได้มีโอกาสคุยกันทุกคนกำลังจะพูดออกไปว่า จริง ๆ แล้วพวกเราที่นั่งอยู่ตรงนี้สนิทกับน้องมากกว่าที่แม่สนิทกับน้อง แล้วรู้เรื่องน้องมากกว่า แม่รู้เรื่องน้องใช่หรือไม่ ?
แต๊งค์ พงศกร : หลายสิ่งที่เราเลือกที่จะไม่พูดออกไป เพราะเราให้เกียรติคุณแม่ ในฐานะที่คนเป็นแม่ เป็นลูกกัน เขาก็ควรได้รับความเคารพในฐานะคุณแม่ ผมเคารพคุณแม่ เพราะว่าพวกเราให้เกียรติกับคุณแตงโมในลักษณะนั้นมากกว่า แล้วก็ไม่อยากให้คนมองหรือโจมตีคุณแม่มากไปกว่านี้ แต่ในเมื่อคุณแม่เลือกที่จะพูดแบบนี้ ไม่ให้เกียรติลูกสาว ไม่ให้เกียรติคุณพ่อของลูกสาวแบบนี้ พวกเราในฐานะที่รู้ความจริงหลายเรื่องของคุณแม่ เราก็เลยมีความรู้สึกโกรธ
ก็อยากให้ความเป็นธรรมกับคนที่เสียชีวิตไปแล้ว ก็เป็นเรื่องที่ย้อนไป 10 ปีที่แล้ว ตอนที่ผมยังอยู่กับคุณแตงโมอยู่ ช่วงนั้นเป็นช่วงแรก ๆ ที่คุณแม่เริ่มกลับเข้ามาในชีวิตคุณแตงโม คุณแม่หายไปจากชีวิตคุณแตงโมนานมาก มีการคุยโทรศัพท์มาจากต่างประเทศเท่านั้นเอง แต่ช่วงนั้นเป็นช่วงที่คุณแม่เริ่มกลับมาอยู่ประเทศไทย สิ่งแรกที่คุณแตงโมคุยกับผม นั่นก็คือคุณแม่กลับมาแล้ว คุณแม่จะต้องมีปัญหาในเรื่องการเงินแน่นอน อันนี้อ้างอิงจากที่คุณแตงโมพูดกับผมนะ ผมไม่ได้พูดเองนะครับ
ตอนนั้นแตงโมอายุเท่าไหร่ ช่วงไหนที่บอกว่ากลับมา ?
แต๊งค์ พงศกร : เมื่อประมาณ 13 ปีที่แล้ว คุณแม่กลับมาแล้ว น้องโมตอนนั้นเริ่มที่จะซื้อบ้าน ซื้อรถ เข้าวงการ ช่วงนั้นมีหนี้สินมากพอสมควร จำเป็นที่ต้องหาเงินเพื่อมาจุนเจือค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ค่าเลี้ยงดูพ่อค่าเลี้ยงดูญาติ ๆ ของคุณพ่อ ค่าจ้างพนักงานคนที่เขาช่วยเหลือทุกคน ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ทั้งหมดรวมเป็นเงินไม่ต่ำกว่าเดือนละ 2-3 แสน ต้องหาให้ได้ทุกเดือน
ซึ่งตอนนั้นน้องโมก็เจอกระแสข่าวหลาย ๆ อย่างงานเขาก็น้อยลง รายได้ก็ตกลง ค่อนข้างที่จะเครียดมาก คุณแม่เข้ามา คุณแม่ไม่เคยที่จะเข้ามาช่วยให้คำปรึกษา หรือว่าช่วยบรรเทาความทุกข์อะไรให้น้องโมเลย คุณแม่เข้ามาขอให้น้องโมแบ่งเงินให้คุณแม่เป็นเงินเดือน คือมาขอค่าใช้จ่าย อันนี้น้องโมเป็นคนบ่นกับผมเอง
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก รายการ คุยแซ่บ Show