เรียกได้ว่าเป็นปีที่หนักหน่วงเป็นอย่างมาก สำหรับ แอนนา วรินทร หรือที่รู้จักกันในชื่อ แอนนา ทีวีพูล ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียเพื่อนรักอย่างนักแสดงสาว แตงโม นิดา รวมถึงถูกหมายจับกรณีหวยทิพย์ ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวก็ได้มีการเกริ่นออกมาแล้วว่า จะทิ้งทุกอย่าง ทั้งงานและชื่อเสียง ไปใช้ชีวิตเพื่อตัวเองบ้าง
ล่าสุด(30 มิ.ย. 65) แอนนา ได้ประกาศออกจากวงการบันเทิง ยุติบทบาทพิธีกรจากทุกรายการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป พร้อมกับชี้แจงถึงประเด็นต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ว่า "ที่ผ่านมาเรามีหลายเรื่องมาก ไม่ว่าจะเป็นรวบคาสนามบิน ก็ยังไม่เคยออกมาพูด และก็ยังมีอีกหลายประเด็นวันนี้ขอออกมาพูดทีเดียว และจะไม่พูดอีกแล้ว จะขอออกจากวงการบันเทิง เพราะว่าไม่อยากอยู่ตรงนี่อีกแล้ว
อยากออกไปใช้ชีวิตส่วนตัว อยากไปทำธุรกิจส่วนตัวอื่น ๆ ที่ไม่อยากให้คนออกมาวิพากษ์วิจารณ์อีกแล้ว ใจเรามันไม่ไหวกับกระแส เราเคยคุยกับผู้ใหญ่เรื่องรายการแล้ว ซึ่งพรุ่งนี้(1 ก.ค. 65) น่าจะเป็นวันสุดท้ายของการจัดรายการทั้งหมด ยืนยันว่าไม่ได้โดนไล่ออกจากช่องหรือจากรายการ
ตั้งแต่เกิดเรื่องเพื่อน ก็ดาวน์มาก คิดว่าเราไปทำอย่างอื่นดีกว่า เราเป็นแม่ค่าขายของมานาน เรามีความสุขมาก เรื่องสามีเราก็เลิกกันมา 2 ปีแล้ว ตอนนั้นมีประเด็นเรื่องมือที่สาม เราเอาจริงนะ เราโดนมา 5 ครั้งแล้ว แต่เราไม่ได้แยกกันอยู่ เพราะเรามีลูกด้วยกัน เราก็อยู่ด้วยกันให้ลูกเห็น ให้เขาไม่ได้รู้สึกแตกต่าง
เรื่องออกจากวงการ เราจะไม่เป็นพิธีกร หรืออะไรแล้ว อยากไปใช้ชีวิตตัวเองแล้ว เราเจอดราม่ามาเยอะมาก ตั้งแต่เสียเพื่อน เลยไม่รูัว่าตรงไหนคือตรงกลาง เราให้ความสำคัญกับโมตลอดเวลา กับแม่ คนจะว่าแม่อะไรก็ไม่รู้ แต่ถ้าเมื่อไหร่แม่เครียด แม่โทรหาแอนนาได้เสมอ เราจะรับสายแม่ตลอด อย่างน้อยเราทำหน้าที่ลูกแทนเพื่อน
เรื่องของบังแจ็ค แอนนา จะบอกว่า ตอนที่แอนนาบินไปอเมริกา บังแจ็คโทรมา ตอนนั้นมันมีเรื่องคาบเกี่ยวเรื่องมือถือ แม่บอกว่า แม่ไว้ใจบังแจ็คเพราะเขาเป็นคนดี เราไม่กล้าค้านเยอะ เราแค่รับฟัง แอนนาไม่รู้เรื่องโทรศัพท์ แต่พอจะเดาได้ไม่ยาก บังแจ็คโทรมา ชวนไปกินข้าว แอนนาเองไม่อยากมีประเด็นเพิ่มแล้ว
อย่างแม่ เราก็ยินดีช่วยเวลาแม่เครียดแม่โทรมาได้ หรือแม้กระทั่งกระติกเอง แอนนาบอกเลยนะว่าถ้าลูกของกระติกต้องการความช่วยเหลืออะไรทักมาหาเราได้นะ เราไม่ได้เกลียดกับกระติก อะไรที่เราสงสัยถามไปหมดแล้ว ลูกของกระติกคือคนที่โมรักมาก ถ้าอะไรที่เราจะช่วยเหลือได้เราจะทำ
เรื่องแมว คนถามว่าถ้าย้ายไปอเมริกา จะเอาไปด้วยไหม เอาไปด้วยค่ะ อย่างรถพยาบาล ถ้าทำเอากระแส ก็ทำคันเดียวป่ะ อันนี้รถคันที่สองกำลังจะทำออกมา เดือนหน้า ส่วนในเรื่องของคดี เราไม่เคยทอดทิ้ง เราติดตามตลอดว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง ตอนหลังมีหลายประเด็นเยอะมาก ออกมาพูดก็โดนว่าหาแสง งั้นเราขอดูดีกว่าว่าจะออกมาเป็นยังไง ถ้าไม่ยุติธรรมเราก็จะออกมาเรียกร้อง ถ้ายุติธรรมเราก็จะโอเค
เรื่องคลิปเสียง คือต้องบอกว่า โมชอบถ่ายรูปมาก เขาอยากเป็นช่างภาพ วันที่ลงเรือแอนนาว่าเขาก็คงเก็บทุกช่วง ทุกช็อตไว้หมด ถ้ามันมีหลักฐานอะไร ที่ช่วยได้ ก็เอาออกมาก็ดี กับบังแจ็คไม่ได้คุยกันอีกเลย เรื่องพี่อัจต้องขอบคุณมากที่มาช่วยตรงนี้
\r\nเรื่องออกจากวงการ แอนนาเองคงเฟดตัวเองลงออกจากสื่อโทรทัศน์ กลับไปอยู่โลกโซเชียล แบบนั้นโอเคกว่า จะไปอยู่ต่างประเทศ เราก็ไลฟ์สดจากต่างประเทศ ให้พุดเดิ้ลส่งของ เบื้องต้นคงไป ๆ มา ๆ ก่อน พอโอเคก็เอาลูกไปเรียนที่โน่นด้วย
แอนนาได้มีโอกาสเจอเอเจนซี่ เขาถามว่าทำไม่ลองเป็นนางแบบดู ส่วนสูงได้ แต่สัดส่วนไม่ได้ ล่าสุดแอนนาได้ลง L'Officiel อินเดีย Harper's Bazaar เวียดนาม แอนนาต้องขอบคุณมาก ๆ ที่ตัวเองกล้าส่งไปเลย 100 หัว ได้มา 2 เล่ม ก็น้อยนะ
ส่วนหนึ่งก็อยากเป็นนางแบบด้วย พรุ่งนี้จะไปปารีส และวันที่ 8 มาเคลียร์เรื่องคดี ไม่ได้หนีนะคะ เราจะเดินเส้นทางนางแบบแล้ว นี่ยังมีอีก 2 เล่มติดต่อมา เรามีอะไรในชีวิตเยอะมาก กระแสจากที่เราไปขึ้นปกของอินเดียกระแสแรงมาก
ในส่วนของเรื่องคดีไม่เครียดเลย เราไม่ผิด ไม่ต้องเครียด จริงเป็นคดีเล็กมากเลย เราเอาหลักฐานทั้งหมดให้ตำรวจดู ขอโทษพี่ ๆ ตม. มาก ๆ ที่พูดเรื่อง PDPA เราแค่เกรงใจคนอื่น วันนั้นแอบตกใจเหมือนกัน เจ้าหน้าที่ก็ดีกับเรามาก
ขั้นตอนตอนนี้ ก็แค่ยื่นเอกสารยืนยันความบริสุทธิ์ กับพี่ต๊ะก็ไม่ได้คุยเลย ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรค่ะ แอนนาโดน 2 คดี คือคดีลอตเตอรี่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร อีกคดีคือคดีที่แอนนาไปพูดข่าวดาราท่านหนึ่ง แล้วเขายื่นฟ้อง ให้ทนายไปเคลียร์เขาก็ไม่เคลียร์"