กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สังคมจับตามอง เมื่อ นักแสดง สาวอายุ 21 ปี จากช่องดัง ได้เข้าพบ ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ หรือ ทนายตั้ม หลังอ้างถูกหลานของนักการเมืองดังลวงไปล่วงละเมิดทางเพศ และได้แจ้งความกับตำรวจ สน.โชคชัยแล้ว แต่เกรงว่าคดีจะไม่คืบหน้า วันนี้ (24 ส.ค. 65) ทั้งคู่จึงเดินทางมาที่ สน.โชคชัย อีกครั้ง เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี
ผู้เสียหายเล่าทั้งน้ำตาว่า ก่อนหน้านี้เธอถูกชายคนหนึ่ง อ้างตัวเป็นหลานของอดีตรัฐมนตรี นามสกุลดัง ติดต่อจ้างงานผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว โดยได้มีการส่งโปรไฟล์งานให้ผ่านทางไลน์ ซึ่งทางฝั่งคู่กรณีเองก็ได้มีการเอ่ยปากที่จะสนับสนุนงานเพลงที่เธอกำลังจะทำ ด้วยความที่คู่กรณีมีหน้ามีตาทางสังคม การเมือง เธอจึงไว้ใจ หลังจากนั้นเธอก็ได้ไปพบกับคู่กรณีเพื่อคุยงานต่างๆ ตอนประมาณ 4 ทุ่มของวันที่ 9 สิงหาคม 65 ณ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เพียงลำพัง แต่เมื่อไปถึงคู่กรณีกลับพาไปคุยงานไปที่รีสอร์ทอีกแห่งหนึ่งแทน ในขณะที่คุยงานกันก็ได้มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปทั้งหมด 2 ขวด และหลังจากนั้นเธอก็จำความไม่ได้อีกเลย ก่อนจะเริ่มรู้สึกตัวตอนประมาณตี 2 ของวันถัดไป
ต่อมาเธอพบว่าพี่สาวได้ตามตัวเธอให้รีบออกมาจากรีสอร์ทแห่งนี้ เมื่อถึงบ้านเธอหลับไป จนถึงเวลาประมาณเที่ยงของวันที่ 10 สิงหาคม 65 เธอตื่นมาอาบน้ำ และพบว่ามีสารคัดหลั่งลักษณะคล้ายอสุจิ ตอนนั้นเธอไม่แน่ใจว่าสิ่งนี้คืออะไร เพราะเธอเองไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน แต่พอบอกกับพี่สาวจึงได้รู้ว่าเธออาจจะถูกข่มขืน จากนั้นเธอจึงตัดสินใจทักไปสอบถามกับคู่กรณี ซึ่งคู่กรณีก็ยอมรับในที่สุดว่าตนได้มีเพศสัมพันธ์กับ นักแสดง สาวจริง โดยอ้างว่าเธอยินยอม แต่ทางด้าน นักแสดง สาวเองก็ได้ยืนยันว่าเธอไม่ได้ยินยอม และไม่รู้สึกตัว หลังจากนั้นเธอจึงได้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล และพบว่ามีเชื้ออสุจิอยู่ในช่องคลอดจริง และยังพบสารประเภทยานอนหลับในปริมาณเล็กน้อยอยู่ในร่างกายอีกด้วย เธอจึงนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัยในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราไว้แล้ว แต่กลับไม่ได้รับความคืบหน้าใดๆ เธอจึงหวั่นว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงติดต่อไปหา ทนายตั้ม เพื่อให้ช่วยติดตามคดีในวันนี้ เธอเผยว่าเธอเจ็บปวดกับเรื่องนี้มาก หลังจากนี้เธอจะสู้ให้ถึงที่สุด เพราะไม่อยากจำเรื่องแบบนี้ไปตลอดชีวิต
ทั้งนี้พี่สาวเผยว่า วันเกิดเหตุเป็นครั้งแรกที่เธอไม่ได้ไปคุยงานด้วย ต่อมาเริ่มผิดสังเกตว่าน้องสาวขาดการติดต่อไป จึงเปิดไลน์ของน้องสาวที่ล็อคอินไว้ในโน๊ตบุ๊ค แล้วพบว่าน้องสาวกับคู่กรณีมาที่รีสอร์ตแห่งนี้ เธอจึงรีบตามไป แต่พอไปถึงปรากฏว่าทางรีสอร์ตไม่อนุญาตให้เธอเข้าไปหาน้องสาว โดยอ้างว่าห้องดังกล่าวเป็นลูกค้า VIP ถ้าเธอเคาะประตูทางรีสอร์ตจะแจ้งความข้อหาบุกรุก เธอจึงตัดสินใจแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าให้มาช่วยตรวจสอบรีสอร์ตแหน่งนี้ให้หน่อย แต่ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าไม่สามารถเข้าไป เนื่องจากรีสอร์ตดังกล่าวเป็นของนายตำรวจใหญ่ จึงเกรงว่าจะเป็นการบุกรุก หลังจากนั้นเธอจึงได้เปิดรูปคู่กรณีให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดู แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับบอกว่าน้องสาวของเธออาจจะมาขายตัวหรือไม่ ซึ่งเธอโกรธมากที่มาดูถูกน้องเธอแบบนี้ และวันที่มาแจ้งความเธออ้างว่าเจ้าหน้าที่พยายามพูดเพื่อให้พวกเธอยอมความด้วย ส่วนทางด้านญาติของคู่กรณีก็มีการเสนอเงินให้ แต่เธอและน้องไม่ยอม ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ด้าน ทนายตั้ม เผยว่าวันนี้ตน และผู้เสียหายเดินทางมาตามความคืบหน้าของคดีดังกล่าว หลังจากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทนายตั้ม อ้างว่า ตนทราบมาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บอกกับผู้เสียหายไว้ว่าอย่าให้เป็นข่าว และก็ห้ามไม่ให้จ้างทนายความ เนื่องจากมีอัยการที่ดูแลเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว ทำให้ผู้เสียหายเกิดความสับสน นอกจากนี้ ทนายตั้ม เผยว่าระหว่างที่กำลังคุยกับผู้เสียหายอยู่สำนักงานของตนเอง ญาติของคู่กรณีก็ได้ติดต่อมาพร้อมข่มขู่ผู้เสียหายว่าให้ยอมๆ ไป เรื่องมันผ่านไปแล้ว หากมีอะไรขึ้นมามันจะเสียหายทั้งสองฝ่าย งานนี้ ทนายตั้ม ถึงกับเดือด ฟาดแรง หลังทราบว่าคู่กรณีกำลังจะลงเล่นการเมือง โดยเจ้าตัวกล่าวว่า หากทำตัวแบบนี้ไม่มีทางได้ตำแหน่งแน่นอน เพราะว่าต้องเข้าคุกก่อน ตนไม่กลัวว่าคู่กรณีจะเป็นใครก็แล้วแต่ แต่ถ้าหากทำผิดจริงก็ต้องได้รับการรับโทษ
\r\nขอบคุณ อีจัน